วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

FOOL - ซงซึน 8

          อูจีโฮเดินเข้ามาในตึกคณะที่เขาเรียนอย่างไม่มั่นใจนัก เขาเหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งท่าทางเก้กังไม่ต่างจากเขา มองซ้ายมองขวาและก้มลงมองกระดาษใบหนึ่งในมือ เขาไม่รอช้าเดินตรงไปหาทันที



"หวัดดี....คือ ฉัน...มาใหม่ ชื่อ อูจีโฮนะ แล้วนายปีหนึ่งเหมือนกันใช่มั้ย" จีโฮเอ่ยแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่เขาเดินไปทัก



"....เอ่อ หวัดดี ใช่ๆ ฉันปีหนึ่งเหมือนกัน ชื่อ ฮันบิน คิมฮันบิน ยินดีที่ได้รู้จักนะ" คนแปลกหน้าแนะนำตัวกับจีโฮบ้าง เขาส่งยิ้มให้ คิมฮันบิน หน้าตาน่ารักทีเดียวแหละ แต่ติดจะดูซื่อ ๆ ไปสักนิดในความคิดของอูจีโฮ



"งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ" เด็กตัวขาวว่าพลางส่งยิ้มยื่นมือไปให้กับเพื่อนใหม่



"ได้สิ ฉันกลัวอยู่เลยว่าจะไม่มีเพื่อน" ฮันบินยื่นมือมาจับพร้อมส่งยิ้มให้จีโฮเช่นกัน



"งั้นเราไปกันเถอะ ฉันว่าต้องไปทางนี้นะ เพราะเมื่อกี้อ่านป้ายตรงทางเข้ามาว่ามาทางนี้"




          ฮันบินพยักหน้าออกเดินไปพร้อม ๆ กับจีโฮ ไม่นานพวกเขาทั้งสองก็มาถึงห้องที่ใช้รวมตัวปีหนึ่ง มองซ้ายมองขวาอยู่สักพัก ในห้องคนยังมากันไม่มากนัก ทั้งคู่เดินไปบริเวณตรงกลางข้างหน้าต่างเพื่อจะหาที่นั่ง




"หวัดดี ตรงนี้มีคนนั่งมั้ย ฉันสองคนขอนั่งด้วยได้ป่ะ" จีโฮเดินไปหาคนหนึ่งที่นั่งเสียบหูฟังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่าง เขาเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าให้จีโฮเล็กน้อยก่อนที่จะฟุบลงไปอีกครั้ง จีโฮและฮันบินนั่งลงเงียบ ๆ เพื่อไม่เป็นการรบกวน สองคนคุยกันเบา ๆ แลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันสักพัก อาจารย์ก็เดินเข้ามาทักทายนักศึกษาในห้อง




         เด็กที่ฟุบหลับอยู่ด้านข้างของจีโฮเงยหน้าขึ้นมาเมื่ออาจารย์เข้ามา จีโฮและฮันบินหันไปมองหน้าแล้วก็ส่งยิ้มให้ เขาหน้าคล้าย ๆ อูจีโฮเลยแหละ ฮันบินยังยืนยันอย่างนั้น



"คังซึงยูน ฉันมาจากปูซาน เพิ่งเดินทางมาถึงเลยเพลีย ๆ" เขาแนะนำตัวกับคนทั้งคู่พร้อมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร



"นายหน้าคล้าย ๆ จีโฮเลยอ่ะ" ฮันบินว่าขึ้นพร้อมมองหน้าซึงยูนสลับกับจีโฮ



"นั่นดิ ฉันก็ว่างั้นอ่ะ" สิ้นคำของซึงยูน ทั้งสามก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนอาจารย์ปาร์คหน้าห้องต้องกระแอมไอเสียงดังและเอ่ยถามว่าตรงนั้นมีอะไรกัน ทำเอาทั้งสามเขินเล็กน้อย





          วันแรก ๆ ไม่มีอะไรมากมายอย่างที่พี่ตัวโตบอกอูจีโฮเอาไว้ไม่มีผิด เขาเพียงแค่แนะนำตัวกับเพื่อนร่วมคลาสเรียน และตอนบ่ายปีหนึ่งจะรวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อเจอกับรุ่นพี่ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อความสามัคคี กว่าอาจารย์จะปล่อยตัวพวกเขามาทานข้าวเวลาก็ล่วงไปกว่า 20 นาที อูจีโฮหน้ามุ่ยไม่น้อยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความทันที



"ฮั่นแน่!!! ที่ทำหน้าหงิกตลอดนี่คืออยากคุยกับแฟนใช่มั้ยล่ะ" คังซึงยูนกระแซะจีโฮ เมื่อเห็นว่าอาจารย์ปาร์คเดินออกพ้นประตูห้องแล้วนั้น อูจีโฮก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาแชททันที



"ไม่ใช่ซะหน่อย ไม่ใช่แฟน" จีโฮปฏิเสธพลางหันหน้าหนีไปคุยทางอื่น ไม่วายหน้าของเขาก็ยังเห่อร้อน แก้มแดงลามไปถึงหู



"คนที่จีบ ๆ กันอยู่อย่างงี้หรอ?" ฮันบินส่งยิ้มให้พร้อมคำถาม



"ไม่ใช่...เอ่อ... ฉัน...รักเขาข้างเดียวต่างหาก" จีโฮมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ พลางให้เพื่อนทั้งสองไม่ซักไซร้อีกต่อไป





          ทั้งสามคนเดินลงมาหาอะไรทานที่โรงอาหารคณะที่อยู่ไม่ไกลจากตึกที่เขาอยู่เมื่อสักครู่ มองหาที่นั่งอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีที่ว่างเลยสักที่ อยู่ ๆ ก็มีเสียงคนเรียกชื่อจีโฮด้านหลัง



"อู จี โฮ มานั่งกับฉันก็ได้ มาสิ"






        หลังจากส่งเด็กดื้อที่มหาวิทยาลัย มินโฮก็ขับรถตรงเข้าสู่บริษัททันที วันนี้วันจันทร์ แน่นอนว่าเขาต้องมีงานที่รอสะสางอีกมากมาย และเป็นไปตามคาดเมื่อเข้ามาถึงงานก็รุมเร้าตัวเขาจนแทบไม่ได้ลุกไปไหนจนกระทั่งเที่ยงวัน



12:00 น. 

เขาเหลือบมองดูนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือ พร้อมกับเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือข้าง ๆ อีกครั้ง


12:10 น. 

ยังคงนั่งมองโทรศัพท์มือถือสลับกับทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไปอีก ไม่มีวี่แววว่าซงมินโฮจะลุกออกไปทานอาหารกลางวันแต่อย่างใด


12:20 น.

ติ๊ง


เสียงข้อความทำให้ซงมินโฮหันมาสนใจโทรศัพท์อีกครั้ง


พี่มินโฮทานข้าวหรือยังครับ 

น้องเพิ่งเสร็จกิจกรรมเมื่อกี้ เพิ่งได้หยิบมือถือขึ้นมาเลยเนี่ย

หิวมากเลย อาจารย์ปล่อยช้ามากเลยครับ 


ก็ไปหาอะไรกินซะสิ 

มัวแต่แชทมันจะได้กินมั้ย
งื้อออ พี่มินโฮทานหรือยังครับ

ยัง กำลังจะไปกิน

โอเค น้องไปทานข้าวก่อนนะครับ





          หลังจากหาอะไรทานเสร็จ เขาเดินกลับมาทำงานอีกครั้งก็พบว่า มีคนมานั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้วในโซนรับแขกห้องทำงาน 



"ว่าไงอีซึงฮุน คิมบ๊อบบี้ ลมอะไรหอบพวกมึงมา" เอ่ยทักเพื่อนสนิทอย่างเป็นกันเอง เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปทักทาย



"ไงมึง ช่วงนี้หายเลยนะ คลับเคลิบไม่เข้า โอนหุ้นให้กูมั้ยครับเพื่อน" อีซึงฮุนเอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรก



"เออ โอนหุ้นมึงมาให้กูกับไอ้ฮุนคนละครึ่งเถอะ ถ้ามึงจะหายไปขนาดนี้" บ๊อบบี้เป็นฝ่ายเสริมขึ้นมาบ้าง



"ก็ช่วงนี้กูงานยุ่ง มึงไม่เห็นหรอ กองอยู่บนโต๊ะนั่นน่ะ" ซงมินโฮว่าพลางพยักเพยิดให้เพื่อนทั้งสองมองไปยังโต๊ะทำงานของเขาที่มีกองเอกสารกองอยู่มากมาย



"หรออออออออออออออออออ" อีซึงฮุนลากเสียงยาวกวนอีกฝ่าย



"ติดงานหรือติดเด็ก เอาดี ๆ" บ๊อบบี้เอ่ยขึ้นมาบ้าง



ซงมินโฮไม่ว่าอะไรต่อ ทำเพียงส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานแล้วนั่งลง พร้อมกับหยิบแฟ้มหนึ่งมาเปิดเพื่อจะทำงานต่อ



"จีโฮเป็นไงบ้าง ตั้งแต่วันนั้นทั้งมึงทั้งน้อง แม่งหายหัวหมดเลย" ซึงฮุนตัดพ้อ



"วันนี้เปิดเทอมวันแรก กูเพิ่งไปส่งมาเมื่อเช้า งอแงใหญ่" ซงมินโฮเอ่ยตอบทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้าทำงานอยู่



"แน่ะ มีไปส่ง" บ๊อบบี้หันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับอีซึงฮุนที่นั่งอยู่ข้าง 



"ไม่ได้คิดอะไรกับน้อง แต่ดูแลยิ่งกว่าเมียอีกเนอะ" เป็นคราวซึงฮุนกระแซะบ้าง



"พวกมึงนี่ไม่ต้องชง มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับจีโฮ ที่กูต้องดูแลเขาเพราะพ่อเขาขอมา กูขัดไม่ได้ ไหนจะพ่อกูอีก มึงก็รู้"



"เออออออออออออออออออ พวกกูไม่ชงแล้วก็ได้ เดี๋ยวกูจีบจีโฮเอง" อีซึงฮุนหันมายักคิ้วให้กับมินโฮอย่างกวนอารมณ์




          กว่าสองชั่วโมงมาแล้วที่เพื่อนสนิททั้งสองแวะมากวนโมโหซงมินโฮที่บริษัท และไม่มีวี่แววว่าจะกลับกันไปง่าย ๆ พักสายตาได้สักพัก คุยกับเพื่อนเขาได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ปรากฎชื่อเด็กดื้อที่เขาไปส่งมาเมื่อเช้านี้


"ว่าไง"


"อืม กี่โมง" 


"ห้ามเกินสองทุ่ม เดี๋ยวฉันไปรับ"




          กดวางโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตายียวนของเพื่อนสนิทที่นั่งมองยิ้มกริ่ม แต่เขาเองก็ทำเป็นไม่ได้สนใจ นั่งทำงานต่อไปจนกระทั่งเพื่อนทั้งสองขอตัวกลับเข้าไปที่คลับ เมื่อเวลาล่วงมาถึงห้าโมงเย็นแล้ว





          แม้จะนั่งทำงานต่อหลังจากเลิกงานไปแล้ว แต่ซงมินโฮเองกลับไม่มีสมาธิเสียเท่าไหร่เมื่อเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาหกโมงเกือบ ๆ จะหนึ่งทุ่ม เขาลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากบริษัทเก็บกระเป๋าสตางค์พร้อมหยิบกุญแจรถ ในหัวตอนนี้คิดแต่เรื่องเด็กตัวขาวนั่น เมื่อบ่ายโทรศัพท์มาบอกกับเขาว่าตอนเย็นรุ่นพี่จะเลี้ยงต้อนรับรุ่นน้อง และบอกว่าจะกลับดึกนิดหน่อย เด็กที่กังวลกลัวไม่มีเพื่อนเมื่อเช้านั่นหายไปหมดแล้วสินะ



ตื้ด ตื้ด 

ตื้ด ตื้ด 


          กดโทรศัพท์ออกไปหาเด็กตัวขาวแต่ไม่มีวี่แววว่าเด็กนั่นจะรับ แน่นอนว่านั่นทำให้ซงมินโฮหงุดหงิดได้ไม่น้อย แต่ก็เพียงไม่นาน โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นปรากฎเบอร์ของอูจีโฮโทรเข้ามา



"....."


"ฮัลโหล พี่มินโฮครับ ได้ยินน้องมั้ยครับ" 


"ทำไมไม่รับโทรศัพท์"


"เมื่อกี้น้องเดินจะออกมารับแต่พี่มินโฮวางไปก่อน" 


"ร้านอยู่ตรงไหน ฉันกำลังจะออกไปรับ"


"เอ่อร้าน XXX อยู่ที่ฮงแดครับ คือ..พี่มินโฮ. น้อง... อยู่ต่อได้มั้ยครับ"  น้ำเสียงเอ่ยผ่านโทรศัพท์่มาตะกุกตะกักเล็กน้อย


"ทำไม" ร่างหนาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจ


"คือ ทุกคนยังไม่มีใครกลับเลยครับ น้อง..." "จีโฮเข้าไปข้างในได้แล้วครับเพื่อน ๆ รอเราคนเดียวเลยน๊ะ"  


          อูจีโฮยังไม่ทันได้เอ่ยเหตุผลของเขาให้กับร่างหนาฟัง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อน มันดังพอที่ซงมินโฮจะได้ยิน 


"ใคร"


"คือ...คุณควอนฮยอก ... เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย" 


ตื้ด ตื้ด ตื้ด ตื้ด 




          สิ้นเสียงอูจีโฮตอบกลับไป โทรศัพท์ก็ถูกวางสายใส่ทันที ร่างบางตกใจไม่น้อย พี่มินโฮต้องโกรธเขาแน่ ๆ แต่เขาเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เมื่ออีกฝั่งหนึ่งก็เป็นรุ่นพี่ พยายามที่จะกดโทรศัพท์โทรออกหาซงมินโฮอีกครั้ง แต่กลับถูกขัดจังหวะโดยควอนฮยอก



"จีโฮครับ เข้าไปข้างในกันเถอะป่ะ อย่าทำให้คนอื่นรอเราคนเดียวสิ มันไม่ดีนะ"


"เอ่อ คือคุณ เอ้ย รุ่นพี่ ...คือ ผม" อูจีโฮลังเลนิดหน่อย


"เรียกว่าพี่ฮยอก" ควอนฮยอกเอ่ยขึ้นพร้อมส่งยิ้มให้เด็กตัวขาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยน


"คือ มันไม่ดีมั้งครับ คือ"


"จีโฮ รุ่นพี่สั่งอะไรก็ทำ ไม่งั้นพี่จะลงโทษเรานะ" ควอนฮยอกยักคิ้วส่งสายตาเจ้าเล่ห์มายังเขา


"ครับพี่ฮยอก"


"ทีนี้เข้าข้างในได้แล้ว เรากังวลอะไรหรือเปล่า? กลัวกลับดึกคุณพ่อคุณแม่จะว่าเอาหรอ?" ควอนฮยอกส่งยิ้มอย่างอบอุ่นสอบถามความกังวลใจของเด็กตัวขาวตรงหน้า


"คือ ... เปล่าครับ" จีโฮก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาไม่ได้กังวลเรื่องคุณป๊าคุณม๊าสักหน่อย เขากังวลเรื่องพี่ชายตัวโตคนนั้นต่างหาก ที่อยู่ ๆ ก็วางโทรศัพท์ใส่เขาดื้อ ๆ


"งั้น....เข้าไปกันเถอะ" ควอนฮยอกพยักเพยิดให้เป็นเชิงให้อูจีโฮเดินนำเข้าไปก่อนด้านใน ส่วนเขาก็เดินตามหลังเข้ามาติด ๆ

       




          หลังจากเดินเข้ามา จีโฮเองกระวนกระวายใจไม่น้อย เขากังวลใจสีหน้าอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สายตาเหลือบมองที่โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา จนไม่เป็นอันทำอะไร เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาเองก็ไม่ทราบได้ เขาไม่ได้ฟังแม้แต่น้อยว่าคนอื่น ๆ พูดคุยอะไรกันบ้าง



"นายกังวลเรื่องอะไรหรือเปล่าจีโฮ" เป็นฮันบินที่เอ่ยถามขึ้นมาก่อนเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเพื่อน


"นั่นสิ ฉันเห็นตั้งแต่นายกลับเข้ามา นายขมวดคิ้วตลอดเลย" ซึงยูนเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติ


"คือ.... ฉันไม่รู้จะทำยังไงอ่ะ ฮือออออ" อยู่ ๆ จีโฮก็งอแงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ พลางขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม


"มีอะไรนายเล่าให้พวกฉันฟังได้นะ" ฮันบินเองก็รู้สึกเป็นห่วงจีโฮไม่น้อย เมื่อเพื่อนตัวขาวเขาดูจะเครียดหนัก


"คือพี่มินโฮ..."


"อูจีโฮ กลับบ้าน" เด็กตัวขาวตกใจไม่น้อย เขาเองยังพูดไม่ทันจบประโยค อยู่ ๆ ประตูห้องที่เหล่านักศึกษาปีหนึ่งและรุ่นพี่ทานอาหารกันอยู่นั้นถูกเปิดขึ้น พร้อมปรากฎร่างสูงเอ่ยเรียกชื่อเด็กน้อย ในตอนนี้สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องบุคคลที่มาใหม่สลับกับหันมามองหน้าอูจีโฮ





          จีโฮที่กำลังทำท่าจะลุกขึ้นแต่อยู่ ๆ ควอนฮยอกบอกให้จีโฮนั่งลง และเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินไปเผชิญหน้ากับคนหน้าประตูแทน



"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ควอนฮยอกเองไม่ได้มีสีหน้าตกใจอะไรกับการปรากฎตัวของซงมินโฮ


"ฉันมารับคนของฉันกลับบ้าน" มินโฮเองก็มีสีหน้าเรียบเฉย


"ทุกคนที่อยู่ที่นี่บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านก่อนสี่ทุ่มซักหน่อย"


"แต่ไม่ใช่กับอูจีโฮ"​ มินโฮจ้องมองไปยังอูจีโฮที่ตอนนี้มองมาที่พวกเขาทั้งสอง เขาเดินชนไหล่ควอนฮยอกผ่านไปดึงข้อมือเด็กตัวขาวที่นั่งอยู่ริมสุดขึ้นมาพลางจะเดินออกจากห้อง แต่อยู่ ๆ มืออีกข้างของจีโฮกลับถูกควอนฮยอกจับเอาไว้ พร้อมกับดึงเข้าหาตัว


"จีโฮยังไม่อยากกลับ คุณไม่มีสิทธิ์มาลากใครในนี้กลับทั้งนั้น"


"รู้ได้ยังไงว่าจีโฮไม่อยากกลับ? เขาบอกคุณหรอ?" มินโฮเอ่ยถามเสียงเรียบนิ่งพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย สีหน้ายียวนคนตรงหน้าไม่น้อยทีเดียว


"เอ่อ...พี่ฮยอกครับ ปล่อยผมก่อนครับ คือ... ผมกลับบ้านก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า" จีโฮว่าก่อนจะใช้สายตาเป็นเชิงอ้อนวอนรุ่นพี่ของเขาให้ปล่อยเขาไปก่อน


"โอเคครับ เดี๋ยวพี่ไปหยิบกระเป๋าให้" ควอนฮยอกเองยอมปล่อยมือง่าย ๆ เมื่อเห็นสายตาของจีโฮส่งมาให้เขา เดินไปหยิบเอากระเป๋าสะพายที่วางอยู่ที่เก้าอี้มาให้เด็กตัวขาว พร้อมส่งยิ้มให้เช่นเคย


"ขอบคุณครับ" จีโฮโค้งให้กับควอนฮยอกเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปตามแรงกระชากของคนตัวโต






          ระหว่างทางกลับบ้านช่างเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดเสียเหลือเกิน ไม่ว่าเด็กตัวขาวจะชวนซงมินโฮพูดคุยอะไรมากมายแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากร่างหนา จนอูจีโฮเองก็ถอดใจ พี่มินโฮคงจะโกรธเขาสินะ แล้วเขาทำอะไรผิดงั้นหรอ?  ทั้งคนที่ทำหน้าที่ขับรถและผู้โดยสารต่างนั่งนิ่งไปเอ่ยอะไรออกมาอีกเป็นเวลากว่ายี่สิบนาที จนกระทั่งรถมาจอดที่ลานจอดรถ เด็กตัวขาวปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเปิดประตูรถลงมาและเดินไปยังลิฟต์เพื่อที่จะขึ้นห้องทันที โดยไม่ได้สนใจพี่ตัวโตด้านข้าง





          เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก จีโฮเองก็ยังไม่สนใจพี่ตัวโตที่เดินตามมาติด ๆ เขาเดินตรงไปยังห้องตัวเองทันที นั่นทำให้ซงมินโฮหงุดหงิดไม่น้อย รีบเดินตามมาคว้าเข้าที่ข้อมือซ้ายของอูจีโฮ กระชากให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา



"ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปใกล้มัน ทำไมไม่ฟัง!!" ซงมินโฮตะคอกเสียงดังลั่น และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เด็กตัวขาวตัวสั่นเทาพร้อมบ่อน้ำตาแตก


"น้อง...ไม่ได้อยากใกล้เขานี่ครับ น้องทำอะไรผิด เขาเป็นรุ่นพี่ .ฮึก.... พี่มินโฮจะให้น้องทำยังไง น้องควรจะทำยังไงหรอครับ..ฮึก... พี่มินโฮบอกน้องสิ จะให้น้องทำยังไง น้องไม่รู้" สิ้นคำอูจีโฮก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ชันเข่าขึ้นมาก้มหน้าลงร้องไห้โฮ






          เมื่อเห็นร่างบางนั่งตัวสั่นเทาร้องไห้โฮ เขาเองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก มองซ้ายมองขวา เก้ ๆ กัง ๆ เขาไม่เคยเห็นจีโฮร้องไห้ขนาดนี้มานาน นอกจากตอนเด็ก ๆ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ปลอบเด็กตัวขาวคนนี้มานานมากแล้ว สิบกว่าปีได้แล้วมั้ง แล้วเขาควรจะเริ่มจากตรงไหน





          ซงมินโฮทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ พร้อมเอื้อมมือไปโอบไหล่เด็กน้อยขี้แยให้เอนมาซบลงที่ไหล่ของเขา มืออีกข้างยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้มขาวฟู เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งอยู่แบบนั้น ฟังเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเงียบลง มองมาอีกที เด็กน้อยในอ้อมแขนเขาก็หลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่





          ร่างหนาจัดการอุ้มเด็กขี้แยเข้ามายังห้องนอนของเขา จัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้เป็นที่เรียบร้อย เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้หลับลึกแค่ไหน ต่อให้เอาช้างมาฉุดลากถ้าไม่ใช่เวลาตื่นรับรองได้เลยว่าอูจีโฮไม่มีทางขยับแน่นอน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กนี่ เขาจัดการปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดจนถึงเม็ดสุดท้าย เขาถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างบางที่เปลือยท่อนบนอยู่เอาไว้ เขารู้ว่าเด็กดื้อตรงหน้าเป็นคนผิวขาวแค่ไหน แต่เขาเพิ่งรู้วันนี้ว่าเด็กนี้แทบจะเรืองแสงทีเดียว





          ค้นหาเสื้อผ้าในตู้อยู่สักพัก ซงมินโฮก็ได้เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวมาหนึ่งชุดที่คิดว่าอูจีโฮน่าจะส่วมใส่ได้พอดี เขาพยายามส่วมใส่เสื้อให้เด็กน้อยอย่างทุกลักทุเล ก่อนที่จะปลดกางเกงและสวมใส่ตัวใหม่ให้ก็ใช้เวลาไปพอสมควร จริง ๆ อากาศกลางเดือนมีนาคมไม่ใช่ว่ามันจะร้อนอบอ้าว ติดจะเย็นสบายค่อนไปทางหนาวเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ตัวเขาเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก ให้ตายสิ แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้อูจีโฮทำให้เขาเสียเหงื่อขนาดนี้เชียวหรือ





          เมื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กตัวขาวเสร็จ ร่างหนายังคงนั่งมองหน้าเด็กน้อยบนเตียงอยู่แบบนั้น ดวงตากลมปิดสนิทมีร่องรอยช้ำจากการผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก จมูกรั้นนั่นยังคงมีสีแดงระเรื่อจาง ๆ เขาจับข้อมือซ้ายของเด็กตัวขาวขึ้นมาก็พบรอยแดงจากการบีบของเขา ควานหายาทาแก้ฟกช้ำที่ลิ้นชักหัวเตียงขึ้นมาทาและนวดเบา ๆ เด็กนี่เจ็บตัวอีกแล้ว วางแขนของจีโฮลงเบา ๆ ข้างตัว ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ พลางลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้า





          เขานึกขอโทษอูจีโฮอยู่ในใจ ที่ทำให้วันที่เด็กตัวขาวอยากจดจำ อยากให้มันพิเศษ กลายเป็นต้องมาร้องไห้เพราะเขา ก่อนที่จะก้มลงจูบไปที่หน้าผากเบา ๆ ...เขาเลื่อนสายตาลงมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพู ก่อนที่จะบรรจงจูบลงไปแผ่วเบา ไม่มีการรุกล้ำหรือล่วงเกินใด ๆ ไปมากกว่าริมฝีปากแตะกันเพียงเท่านั้น เนิ่นนานจนพอใจจึงผละออกมาจากร่างบาง เดินออกจากห้องไป













#ซงซึน





ตาย ๆ ๆ ๆ ๆ ซงมินโฮ!!!! แกจะมาขโมยจูบน้องแบบนี้ไม่ได้นะ 
พี่มินโฮเขาก็จะกาก ๆ นิดนึง ยอมรับว่าต่อหน้าไม่กล้า วอนอย่าด่าพี่เขาเยอะ
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ขอบคุณค่าาาา



วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

FOOL ซงซึน - 3




          เช้าวันอังคารที่อากาศค่อนข้างย่ำแย่ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ความหนาวเย็นและหิมะยังปกคลุมกรุงโซลอย่างหนาแน่น และด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ ทำให้อูจีโฮกำลังหงุดหงิด อาการภูมิแพ้ของเขากำลังกำเริบหนัก คัดจมูกหายใจไม่ออกฟุดฟิดมีน้ำมูกอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขามั่นใจว่าจมูกของเขาแดงไม่แพ้กับคุณพี่แมคโดนัลด์แน่นอน





          และที่ทำให้คุณหนูตัวขาวหงุดหงิดยิ่งกว่าอาการภูมิแพ้ก็คือการที่ไม่มีอะไรทำ เขามาอยู่เกาหลีได้สองสัปดาห์กว่า ๆ แล้ว และตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมากิจวัตรประจำวันก็มีเพียงแค่ทำอาหารเช้าให้คนตัวโตข้างห้อง การส่งข้อความไปย้ำให้ทานข้าวกลางวันให้ตรงเวลา และการทำอาหารเย็นรอซงมินโฮกลับมาทานพร้อมกัน หากวันไหนคนพี่ทำงานจนดึกดื่น เด็กดื้อก็จะอยู่รอ บ่อยครั้งไปที่จีโฮเผลอหลับก่อนที่คนพี่จะกลับมาถึงบ้าน เป็นอย่างนี้มาตลอด




"ฮัลโหล....คุณป๊า น้องคิดถึงคุณป๊า"



"มีอะไรจะมาอ้อนคุณป๊า พูดมาเลยดีกว่าครับ น้องไม่ต้องอ้อมค้อม หึหึ" ปลายสายโทรศัพท์ตอบกลับมาทำเอาเด็กน้อยยู่ปากหน้างอเมื่อผู้เป็นพ่อจับได้เสียแล้ว



"โถ่ คุณป๊า น้องคิดถึงคุณป๊าจริง ๆ น๊า คุณม๊าด้วย"



"แล้วน้องอยู่ที่นู้นเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่มั้ย" 



"งืมมม ก็สบายดีครับ แต่อากาศตอนนี้ไม่ดีเลย น้องหายใจไม่ค่อยออก"



"อ้าว ถึงว่าเสียงน้องอู้อี้เชียว พ่อสั่งให้คนพาไปหาหมอดีมั้ย"



"งื้อออออ ไม่เอาครับ น้องทานยาตลอด เดี๋ยวก็หาย ไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาครับ"



"ไปตรวจไปเช็คดูหน่อยมั้ยครับ คุณป๊าเป็นห่วง นี่ถ้าคุณม๊ารู้นี่บ่นคุณป๊าหูชาแน่ ๆ"



"ไม่เอาครับ น้องมีเรื่องจะขอคุณป๊า"



"หืม อะไรเอ่ย"



"น้องอยากไปฝึกงานกับพี่มินโฮ"



"ห๊ะ!!ว่ะ..ว่าไงนะลูก" 



"ก็น้องอยู่บ้านเฉย ๆ น้องเบื่อ อีกอย่าง กว่ามหาลัยจะเปิดอีกตั้งเดือนเลยนะครับ น้องอยากลองทำงานดู นะครับคุณป๊า น๊าาาา น้องอยากทำ"



"จีโฮ... จะให้คุณป๊าทำยังไงล่ะลูก หื้ม"



"คุณป๊าก็บอกให้คุณลุงมินฮยอกให้น้องเข้าไปทำงานที่บริษัทสิครับ"



"น้องจีโฮลูก งั้นน้องไม่ไปขอคุณลุงเขาเองล่ะครับ น้องไปเกาหลีเกือบสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ไปเยี่ยมคุณลุงเลยหรือไงหื้ม"



"อ้ะ!! จริงด้วย น้องลืมไปเลย น้องไปขอเองดีกว่า ถ้าน้องไปขอคุณลุงต้องให้น้องแน่ ๆ แค่นี้นะครับคุณป๊า รักคุณป๊าคุณม๊ามาก ๆ นะครับ สวัสดีครับ"





          เร็วเท่าความคิด ตอนนี้อูจีโฮเข้ามานั่งยังห้องรับแขกของบ้านตระกูลซงเป็นที่เรียบร้อย ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก เขาเข้าออกบ้านหลังใหญ่นี้บ่อยเสียยิ่งกว่าบ้านตัวเองซะอีก



"จีโฮลูก มาได้ยังไงเนี่ย หื้ม"



          เสียงทุ้มต่ำฟังดูน่าเกรงขามแต่กลับปนไปด้วยความเอ็นดูดังขึ้น อูจีโฮเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้า คุณลุงซงมินฮยอกของเขานั่นเอง



"สวัสดีครับคุณลุง! โอ้โห คุณลุงดูไม่แก่เลยครับ ดูหนุ่มขึ้นกว่าเดิมเสียอีก"



"ฮะฮะฮ่าฮ่า ปากหวานเหมือนเดิมเลยนะเด็กคนนี้"



"คุณลุงสบายดีมั้ยครับ"



"อ่า ก็เรื่อย ๆ นะลูก ตามประสาคนแก่แล้วก็งี้ แล้วจีโฮเป็นยังไงบ้าง ไอ้ลูกชายลุงมันไม่ได้ทำให้เราลำบากใช่มั้ย"



"เอ๊ะ...คุณลุงทราบหรอครับว่าน้อง.."



"ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อเราเขารายงานลุงตั้งแต่วันแรก ๆ แล้วจีโฮเอ้ย"



"โถ่ คุณป๊าอีกแล้ว" เด็กตัวขาวยู่ปากหน้างออีกครั้งเมื่อทราบว่าคุณป๊าของเขาจัดแจงทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี แถมยังฝากฝังเขากับคุณลุงมินฮยอกโดยไม่บอกเขาสักคำ



"น้องขอโทษครับที่ไม่ได้มาหาคุณลุงเร็วกว่านี้" เด็กน้อยเอ่ยขึ้น



"โอ้ย ไม่เป็นไรหรอกลูก เราก็มีธุระปะปังอะไรต้องทำเยอะแยะไม่ใช่หรอเรื่องมหาลัยน่ะ"



"ครับ ตอนนี้ก็เสร็จหมดแล้ว น้องเลยว่าง ว่างจนเบื่อเลยครับ"



"อืม มินโฮไม่พาเราไปไหนบ้างเลยหรอ"



"คือพี่มินโฮเขางานเยอะครับ น้องไม่อยากรบกวน แต่อยากช่วยมากกว่า"



"หืม ช่วย?"



"ครับ คือพี่มินโฮงานเยอะมาก คือ น้องอยากช่วยงานพี่เขาครับ แต่ว่า คือ ..."



"งั้นเราลองไปดูงานกับมินโฮดูก่อนมั้ย"



"ได้หรอครับคุณลุง!"



"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ เดี๋ยวลุงคุยเอง แล้วจีโฮพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะลูก"



"พรุ่งนี้เลยครับคุณลุง!!!"






          เช้าวันถัดมาตามปกติ อูจีโฮ มักจะทำอาหารพร้อมแปะโพสอิทไว้บนโต๊ะทานข้าวในห้องของพี่ชายตัวโต แต่มาเช้าวันนี้เด็กตัวขาวกลับนั่งรออยู่ร่วมโต๊ะมื้อเช้าด้วย ซงมินโฮคิ้วขมวดเข้าหากันพร้อมกับพรูลมหายใจออกอย่างหนักหน่วง



"ไม่ได้" เขาเอ่ยขึ้น พร้อมเลื่อนเก้าอื้นั่งลงตรงหน้าเด็กตัวขาว โดยไม่ได้สนใจว่าตอนนี้คุณหนูอูจีโฮกำลังทำหน้ามุ่ยขนาดไหน ก่อนที่มินโฮจะตักข้าวคำแรกเข้าปาก ก็ต้องหยุดชะงัก



"ได้ คุณลุงอนุญาตแล้ว"



"งั้นนายก็ไปทำงานให้พ่อฉันสิ พ่อฉันอนุญาต ไม่ใช่ฉัน" คนตัวโตเอ่ยขึ้นก่อนทานอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



"งื้อออออ พี่มินโฮอ่ะ"



"...."



"พี่มินโฮครับ ให้น้องไปทำงานด้วยนะ น้องอยู่บ้านน้องเบื่อง่ะ"



"จีโฮ ทำงานมันไม่ได้สนุกนะ"



"หงึ ไม่รู้ล่ะ น้องจะไป พี่มินโฮห้ามน้องก็จะไปคอยดูสิ"



"ทำไมดื้อแบบนี้"



"เป็นเด็กดีหรือเด็กดื้อพี่มินโฮก็ไม่รักน้องอยู่ดี" ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้แล้ว เด็กตัวขาวก็เดินปึงปังออกจากห้องของมินโฮทันที ทิ้งไว้เพียงร่างหนาที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำไมพ่อเขาต้องไปตามใจเด็กนั่นให้เสียนิสัยขนาดนั้นนะ แค่พ่อแม่จีโฮตามใจลูกไม่พอ นี่พ่วงพ่อของเขาไปอีกคน ตามใจกันจนเสียคนไปแล้ว



ติ้งหน่อง ~ 


ติ้งหน่อง~


ติ้งหน่อง~


ก๊อก ๆ ๆ 




"จีโฮ เปิดประตู"



ก๊อก ๆ ๆ



"จีโฮ! ฉันบอกให้เปิดประตู"



"....." จีโฮเปิดประตูห้องตัวเองออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้า ทั้งจมูก ตา แก้ม ปาก ซึ่งดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้งอแงมาอย่างแน่นอน



"ไหนบอกโตแล้ว"



"....."



"คนโตแล้วเขาไม่ร้องไห้เรื่องแค่โดนขัดใจหรอกนะ"



"น้องไม่ได้ร้องเพราะโดนขัดใจ แต่น้องร้องเพราะพี่มินโฮไม่รักน้องต่างหาก"



"...."



"จะไปทำงานแล้วหรอครับ เดินทางดี ๆ ขอให้เป็นวันที่ดีครับ" ว่าจบเด็กตัวขาวก็ทำท่าจะปิดประตู แต่มินโฮเอามือมาขวางไว้ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น



"ไปแต่งตัว"



"แต่งทำไมครับ อยู่บ้านเฉย ๆ"



"จีโฮ อย่ามาประชด ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ"






#ซงซึน