วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

FOOL - ซงซึน 13





          หลังกลับจากค่ายที่ปูซาน ดูเหมือนว่าอูจีโฮและซงมินโฮจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น เด็กตัวขาวเองไม่เข้าใจหรอกว่าที่เขาทั้งคู่เป็นอยู่ตอนนี้คืออะไร เขารู้เพียงว่าเขามีความสุข และคิดว่าเขาควรจะเห็นแก่ตัวกอบโกยเอาความสุขนี้สักครั้งในชีวิต



"หอมจัง เช้านี้ทำอะไรกินครับ"



          ซงมินโฮที่เพิ่งตื่นเดินออกมาจากห้องนอนก็พบกับร่างบางที่วุ่นวายอยู่ในครัวแต่เช้า เขาเดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง พร้อมกดจมูกลงไปจมแก้มขาวฟูนั่นฟอดใหญ่


"อ้ะ! พี่มินโฮ ปล่อยน้องก่อน น้องทำกับข้าวไม่ถนัดนะครับ"


"ไม่อยากปล่อย"


"เอาแต่ใจที่สุดเลย"


"เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำพี่แล้วหรอ"



          เขาปล่อยให้เด็กตัวขาวเป็นอิสระ ก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารอมยิ้มมองแผ่นหลังบางที่กำลังยุ่งอยู่กับอาหารเช้า



"เย็นนี้พี่ต้องเข้าไปที่คลับ ไม่ต้องรอทานข้าวนะ"


"น้องไปด้วยไม่ได้หรอครับ" เด็กน้อยทำหน้าตาอ้อนวอน


"ไม่ได้"


"ทำไมล่ะครับ น้องเหงา ไม่อยากทานข้าวคนเดียว" ไม่ลดละความพยายามที่จะขอติดตามพี่ชายตัวโตไปคลับด้วย เขาไม่ได้ไปเหยียบที่คลับของซงมินโฮอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องราวครั้งนั้น ซึ่งมันก็ล่วงเลยมากว่าครึ่งปีแล้ว


"ครั้งก่อนเกิดอะไรขึ้นจำได้มั้ย? พี่โกรธมากรู้ตัวหรือเปล่า"


เมื่อทำอะไรไม่ได้ อูจีโฮก็ใช้ท่าไม้ตาย เพียงแค่เขาเริ่มเบะปากเท่านั้น พี่ชายตัวโตก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน


"ไม่ต้องมาใช้น้ำตา พี่ไม่หลงกลเราหรอกนะจีโฮ"


          อูจีโฮขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก้มหน้างุด พี่มินโฮโหมดดุกลับมาอีกครั้ง เขาได้แต่พยักหน้า และเดินกลับห้องไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยอ้อนวอนอะไรซงมินโฮอีก






         หลังจากทานอาหารเช้าที่เด็กตัวขาวเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ซงมินโฮก็ออกเดินทางเข้าบริษัท เขาต้องเคลียร์งานที่คั่งค้างมาทั้งสัปดาห์ วันนี้ทั้งวันเขาต้องยุ่งเสียจนไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรอย่างแน่นอน




          แต่ผิดคาด ซงมินโฮไม่มีสมาธิในการทำงานเลยสักนิด แม้กระทั่งในห้องประชุมเรื่องแผนงบประมาณประจำไตรมาสสุดท้ายก็ยังไม่ได้เข้าหูเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ในหัวเขามีแต่เรื่องของอูจีโฮเต็มไปหมด ภาพสุดท้ายที่เด็กนั่นเบะปากทำหน้าตาจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อต่อหน้าเขาวนเวียนอยู่ซ้ำไปซ้ำมา




          ทั้ง ๆ ที่พยายามแล้วที่จะไม่รู้สึกกับเด็กตัวขาวให้มากนัก เขาปิดกั้นตัวเองออกจากทุกคนที่เข้าหา เพียงเพราะเขาเองที่อ่อนแอ เกรงกลัวความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้ืนอีกครั้ง ถ้าหากว่าเขานำชีวิตของตัวเองไปผูกติดกับใครคนใดคนหนึ่งมากเกินไป แต่ตอนนี้ เขากำลังเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับอูจีโฮ และเด็กนั่นกำลังมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขา




ติ๊งหน่อง~ 


          เสียงกริ่งหน้าประตูทำให้อูจีโฮสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขากำลังแชทคุยกับเพื่อน ๆ ทั้งสองอยู่อย่างออกรส



"อ้าว พี่มินโฮ มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ" เด็กน้อยรู้สึกแปลกใจที่อยู่ ๆ พี่ชายคนสนิทกลับมาโผล่อยู่ที่หน้าห้องในเวลาบ่ายสองกว่า ๆ ทั้ง ๆ ที่ควรจะอยู่ที่บริษัท


"อูจีโฮ...เรานี่มัน...เกินไปแล้วนะ" เจ้าของชื่อทำหน้าฉงน พร้อมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อซงมินโฮเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาในห้องหน้าตาเฉย


"พี่มินโฮเป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย"


"ทำอะไรอยู่"


"น้องหรอครับ? น้อง...แชทคุยกับซึงยูนกับฮันบินอยู่ครับ"


"นี่ ทำให้คนอื่นคิดมากไม่สบายใจ ในขณะที่ตัวเองกลับแชทคุยกับเพื่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ" ตอนนี้อูจีโฮที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนตัวโตยิ่งงงเข้าไปใหญ่ นั่นซงมินโฮกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่


"หมาย..หมายความว่ายังไงครับ น้องทำอะไรผิดอีกล่ะทีนี้ หึ"


"แน่ะ อย่ามาทำหน้างอ ก็เราทำให้พี่ไม่มีสมาธิทำงาน ต้องโดนลงโทษ" อยู่ ๆ ร่างหนาที่นั่งอยู่ด้านข้างก็โน้มตัวมาหาเด็กตัวขาว สองมือหยัดไว้ที่โซฟาเป็นที่ล็อคเด็กน้อยไม่ให้หนีไปไหนโดยปริยาย


"พะ...พี่ พี่มินโฮ...อื้อ" พี่ชายตัวโตจอมเอาแต่ใจไม่ยอมให้เด็กน้อยในวงแขนพูดพร่ำอะไรทั้งสิ้น เขาจัดการปิดปากอูจีโฮด้วยริมฝีปากของเขาเอง อูจีโฮเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่ซงมินโฮเป็นคนที่เอาแต่ใจมากกว่า และร่างบางใต้อาณัติของเขาในตอนนี้ก็พร้อมจะตามใจเขาทุกอย่าง


"อื้อ!....แฮ่ก พี่มินโฮ!!" เด็กน้อยประท้วงพร้อมทุบไปที่หัวไหล่ของพี่ชายตัวโตหลายที ก่อนที่ซงมินโฮจะผละริมฝีปากออกมา


"ขี้ยั่ว..."


"น้องยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!"


"ช่วยไม่ได้ ... ใครบอกอยากปากหวานเอง" พูดพร้อมยักคิ้วให้จีโฮไปหนึ่งที ก่อนจะปล่อยเด็กตัวขาวให้เป็นอิสระ


"งื้อออ ... พี่มินโฮฉวยโอกาสกับน้องตลอด" ตัดพ้อกลาย ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ใบหน้าของเด็กน้อยขึ้นสีแดงแจ๋ ลามไปถึงหู


"พี่ยอมให้ไปคลับด้วยก็ได้คืนนี้ แต่.."


"จริงหรอครับ!! เย้ เย้ พี่มินโฮใจดีที่สุดเลย"


"ฟังพี่ก่อน แต่มีข้อแม้ หนึ่งห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด สองห้ามคุยกับคนแปลกหน้า สามห้ามอยู่ห่างจากพี่เกินสามเมตร ตกลงมั้ย ถ้าไม่ตกลงก็ไม่ให้ไป"


"ตกลงครับ" ตอบรับพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โผเข้ากอดพี่ชายตัวโตอย่างออดอ้อน


"ถือว่าตกลงแล้วนะครับ ถ้าเราทำไม่ได้ พี่จะลงโทษเราหนักๆ" เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับซงมินโฮเล็กน้อยก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำ ร่างหนามองการกระทำนั้นอย่างเงียบ ๆ แม้ในใจจะขัดแย้งอย่างหนัก เขาอยากจะจับเด็กนี่ฟัดให้จมเตียงดูสักที ข้อหาน่ารักมากเกินไป


"...ลงโทษอีกแล้วหรอครับ...จะ...จะลงโทษแบบเมื่อกี้หรอครับ" อูจีโฮก้มหน้าหลบสายตาที่ถูกส่งมา มุดหน้าเข้าหาแผงอกแกร่งของร่างหนา


"ถ้าไม่ทำตามที่พี่บอก .... พี่จะลงโทษมากกว่านี้อีก ลองดูสิ" ซงมินโฮก้มลงมากระซิบที่ข้างหูเด็กน้อยพร้อมยิ้มมุมปากท่าทางเจ้าเล่ห์


"พี่มินโฮหมายความว่ายังไงครับ"


"ไหนบอกว่าโตแล้ว ก็ต้องรู้ดิ...ว่าคนที่เขาโตกันแล้วเขาทำอะไรกัน" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เด็กตัวขาวตรงหน้านี้ หน้าแดงหูแดงไปถึงไหนต่อไหน เขาไม่กล้าแม้แต่ต่อปากต่อคำกับซงมินโฮอีก ได้แต่ก้มหน้างุดพลางคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้อันตรายต่อใจเขาแค่ไหน ซงมินโฮขยันทำให้เขาเขินอายได้ตลอดสินะ





          หลังจากกลับเข้ามาเคลียร์กับเด็กน้อยเรียบร้อย ซงมินโฮก็กลับเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัทอีกครั้งในเวลาเกือบ ๆ สี่โมงเย็น



19:00 น.


"ไม่เอาชุดนี้ ห้ามใส่กางเกงขาด" เสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ของซงมินโฮเอ่ยขึ้นปฏิเสธ เมื่ออูจีโฮเดินกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นรอบที่สาม


"พี่มินโฮ....น้องเหนื่อยแล้วนะ ชุดนั้นก็ไม่ได้ ชุดนี้ก็ไม่เอา งื้อ!" เด็กน้อยบ่นกระปอดกระแปดปวดหัวกับซงมินโฮเหลือเกิน


"ก็ดูแต่ละชุด กางเกงนี่จะรัดไปไหนแต่ละตัว ไม่รัดก็ขาดไปถึงขาอ่อน"


"พี่มินโฮ นี่มันเป็นแฟชั่นนะครับ"


"มีกางเกงที่มันไม่รัดไม่ขาดมั้ย มีเสื้อที่มันไม่บางมั้ย ไปใส่ตัวนั้น"


"ให้น้องใส่โค้ทไปดีมั้ยครับ"


"ถ้าไม่ร้อนก็ใส่"


          อูจีโฮถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นรอบที่สี่ รอบนี้เขาเลือกจะใส่เสื้อแขนยาวโอเวอร์ไซส์พร้อมกางเกงยีนส์สีเข้ม จากนั้นเดินออกมาเห็นพี่ชายตัวโตที่นั่งรออยู่ที่โซฟาพยักหน้า แปลว่าเขายอมให้ไปด้วยชุดนี้ ให้ตายสินี่มันหน้าร้อนนะ!!





          ใช้เวลาไม่นานซงมินโฮและเด็กตัวขาวก็มาถึงคลับ เขาพาเด็กน้อยเข้าทางด้านหลังเช่นเดิม พร้อมรีบพาขึ้นไปยังห้องวีวีไอพีชั้นบนในทันที เขาไม่ชอบสายตาของคนอื่นที่มองอย่างแทะโลมมายังเด็กน้อยข้างกายเขา




"โว้ว ๆ ๆ ๆ ดูสิว่าใครมา" เสียงหนึ่งในห้องวีวีไอพีเอ่ยขึ้น


"น้องจีโฮ...โดนขังในหอคอยงาช้างหรอครับ" และเสียงนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จองฮยอนแทเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของซงมินโฮนั่นเอง


"เก็บปากไว้แดกเหล้าเถอะฮยอน" ซงมินโฮหันไปต่อว่าพร้อมชูนิ้วกลางให้เพื่อน เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนทั้งโต๊ะได้เป็นอย่างดี


"มา ๆ ๆ จีโฮครับ มานั่งข้างพี่ฮุนนี่มา มาเร็วเด็กดี"


"เอ่อ...คือ" อูจีโฮทำท่าทางอึกอักเล็กน้อย พร้อมเสสายตาไปมองพี่ชายตัวโตครั้งหนึ่ง ก่อนจะพบกว่าซงมินโฮมองมายังเขาก่อนแล้ว


"นั่งข้างไอ้ฮุนไม่ดีหรอกครับจีโฮ มันมือปลาหมึก มานั่งกับพี่บ๊อบดีกว่า"


"แต่ว่า...ข้างพี่บ๊อบไม่มีที่แล้วนะครับ จะให้น้องไปนั่งตรงไหน" อูจีโฮมองไปยังโซฟาข้าง ๆ บ๊อบบี้ที่ตอนนี้มีพโยจีฮุนนั่งอยู่



"ไม่ได้บอกให้มานั่งข้างพี่ แต่บอกให้มานั่งตักพี่ต่างหาก" สิ้นเสียงบ๊อบบี้เอ่ยขึ้น ซงมินโฮก็หยิบเอาก้อนน้ำแข็งในถังปาใส่เพื่อนสนิททันที


"โอ้ย ไอ้เหี้ยมิ ปามาได้ หัวคนนะโว้ย"


"อ้าวคนหรอ กูนึกว่าเหี้ย โทษที.... อูจีโฮมานั่งตรงนี้ พวกมึงไม่ต้องมาเยอะ" ต่อปากต่อคำกับเพื่อนพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะเขยิบที่และเรียกให้เด็กตัวขาวมานั่งข้าง ๆ ตัวเอง


"หูยยยย น้องจีโฮครับ พี่จีฮุนอยากมีน้องจีโฮเป็นของตัวเองบ้าง ต้องทำยังไงครับ"


"ถ้าพวกมึงยังไม่หยุดแซ็วน้อง กูจะพาน้องกลับ"


"โห อะไรวะ เป็นพ่ออ่อมาหวงน้อง" อีซึงฮุนเอ่ยขึ้นพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดก


"กูไม่ได้อยากเป็นพ่อ"


"อูยยยยยยย อยากเป็นผ.." ซึงฮุนยังพูดไม่จบประโยคก็โดนซงมินโฮตบหัวดังผัวะ เรียกเสียงหัวเราะให้คนทั้งหมดอีกครั้ง


"พวกมึงนี่ยังไง น้องยังเด็ก อย่ามาพูดจาทะลึ่ง"


"น้องโตแล้วนะ~" อูจีโฮขัดขึ้นมาเสียงแว้ด เมื่อพี่ชายตัวโตยังคิดว่าเขายังเด็กอยู่


"อูย เนอะจีโฮเนอะ เนี่ยพี่ฮุนก็ว่าน้องจีโฮโตแล้วข๊าวขาว วัยกำลังน่ากินเลยเนอะ"


"ไอ้ซึงฮุน!" ซงมินโฮยกมือขึ้นชี้หน้าอีซึงฮุนทันทีที่สิ้นประโยคล่อแหลมนั้น


"...กิน วัยน้องทำไมครับพี่ฮุน น้องต้องกินอะไรหรอครับ" ซงมินโฮกำลังปวดขมับตุบ ๆ กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อยข้าง ๆ


"อยากรู้หรอ? เดี๋ยวสอน" สิ้นเสียงซงมินโฮ รอบโต๊ะก็โห่กันอีกรอบ ก่อนสภาวะการณ์จะเข้าสู่ปกติ





          ซงมินโฮ อีซึงฮุนและบ๊อบบี้ขึ้นไปคุยเรื่องงานกันด้านบนห้องชั้นลอย ส่วนอูจีโฮถูกพี่ชายตัวโตสั่งห้ามออกจากห้องวีวีไอพีไปไหนเด็ดขาด ถ้าไม่มีเขาไปด้วย




          ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ตอนนี้มีจีโฮนั่งอยู่คนเดียวในห้อง ก่อนที่ซงมินโฮจะเดินลงมาหา พร้อมเอ่ยชวนให้ขึ้นไปนั่งด้านบนชั้นลอยที่เขาคุยงานกับเพื่อนทั้งสองอยู่



"จีโฮครับ คนอื่นไปไหนกันหมดแล้ว หื้อ"


"ลงไปข้างล่างครับ"


"ขึ้นไปนั่งชั้นบนกับพี่มั้ย เบื่อหรือเปล่า"


"ไม่เป็นไรครับ พี่มินโฮคุยงานอยู่ น้องอยู่ได้ ไม่เบื่อครับเนี่ย น้องนั่งเล่นเกมอยู่"


"หึหึ ทำไมน่ารักแบบนี้ มานี่ซิ" อูจีโฮเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซงมินโฮพร้อมทำตาแป๋วหน้าตาฉงน


"ขอพี่จูบทีสิ"


"อะ...ห๊ะ...มะ...ไม่ ไม่ ไม่ได้ครับ จะมาจูบอะไรตรงนี้ ...เดี๋ยวคนอื่นก็มาเห็นหรอก" อยู่ ๆ หน้าของอูจีโฮก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วในวันนี้ เมื่อพี่ชายตัวโตเอ่ยปากขอจูบแบบดื้อ ๆ


"ไม่มีใครขึ้นมาหรอก นะครับ พี่มาขอกำลังใจแล้วจะขึ้นไปเคลียร์งานต่อ"


"ก..ก..ก็ได้ครับ"



          เมื่อได้รับอนุญาต ร่างหนาใช้มือช้อนคางเด็กน้อยขึ้นมา ก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากสีแดงเชอรี่อันยั่วยวนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะใช้มืออีกข้างประคองศรีษะเด็กตัวขาวเบา ๆ กดจูบลงไปซ้ำ ๆ อย่างไม่มีทีท่าจะลดละ ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปสำรวจ กระหวัดกวัดเกี่ยวชี้นำให้เด็กน้อยคล้อยตามอย่างว่าง่าย เขาผละออกมาจ้องมองใบหน้าเด็กตัวขาวที่มีสีแดงระเรื่อ ก่อนจะจูบซับที่ริมฝีปากอีกครั้ง


"พี่ไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าเบื่อก็ขึ้นไปข้างบนนะ"


"ค...ค...ครับ ถ้าน้อง...น้องเบื่อจะขึ้นไปกวนพี่มินโฮ"



          ซงมินโฮกลับขึ้นไปทำงานชั้นบนแล้ว เหลือเพียงอูจีโฮที่เดินกลับไปนั่งลงที่โซฟาอย่างหมดแรง เขาอธิบายความรู้สึกที่มีตอนนี้ไม่ถูก มันรู้สึกดีที่ซงมินโฮจูบเขา มันดีมากเสียด้วยซ้ำ เขารู้สึกใจหวิวและเต้นแรงไปพร้อม ๆ กัน พลางคิดว่าพี่ชายตัวโตนั้นจะรู้สึกแบบเดียวกันกับเขามั้ย ความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ กับใจที่มันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากหน้าอกข้างซ้าย






          เกือบ ๆ หนึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากซงมินโฮเดินลงมาหาเด็กตัวขาวที่ห้องวีวีไอพี ตอนนี้เพื่อน ๆ ของมินโฮกลับมาที่โต๊ะกันเกือบครบ บ๊อบบี้และอีซึงฮุนเดินหน้าเครียดลงมาจากชั้นลอย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งดื่มเหล้าเงียบ ๆ


"พี่ฮุน แล้วพี่มินโฮล่ะครับ" เด็กน้อยเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อไม่มีวี่แววว่าพี่ชายคนสนิทจะเดินลงมาจากห้องทำงานด้านบน


"เอ่อ....คือ...มัน...มีงานนิดหน่อยอ่ะ" ซึงฮุนตอบอย่างตะกุกตะกักอีกทั้งยังไม่ยอมมองหน้าเด็กตัวขาวแม้แต่น้อย รวมไปถึงบ๊อบบี้เองด้วย


"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมพี่ ๆ หน้าตาเครียดจัง"


"ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องห่วงนะครับเด็กดี หิวมั้ย? พี่บ๊อบสั่งข้าวให้มั้ยครับ?"


"ไม่เอาครับ น้องไม่หิว แล้วพี่มินโฮ..."


"มัน...เคลียร์ธุระอยู่" อีซึงฮุนตอบแบบขอไปที ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไป เด็กตัวขาวนึกแปลกใจปนเป็นห่วงพี่ชายตัวโตด้านบน ด้วยสีหน้าของทั้งอีซึงฮุนและบ๊อบบี้ ดูไม่ดีทั้งคู่ จีโฮเกรงว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นให้พี่มินโฮของเขาเครียดหรือเปล่า


"พี่บ๊อบบี้ครับ เดี๋ยวน้องขึ้นไปหาพี่มินโฮด้านบนนะครับ" อูจีโฮเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่ได้ฟังเสียงทัดทานของบ๊อบบี้แม้แต่น้อย


"เอ่อ...เฮ้ย จีโฮเดี๋ยว เดี๋ยว เชี้ยละ"





          เด็กตัวขาวเดินขึ้นมาถึงชั้นลอยที่ใช้คุยงานของเจ้าของคลับทั้งสาม เขาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ในเมื่อซงมินโฮอนุญาตแล้ว แน่นอนว่าเขามั่นใจว่าพี่ชายตัวโตต้องไม่โกรธที่เขาถือวิสาสะขึ้นมา



          แต่แล้วหัวใจของอูจีโฮก็ต้องหล่นวูบลงไปกองที่พื้น ทันทีที่บานประตูห้องชั้นลอยที่เขาเดินขึ้นมาหาพี่ตัวโตเปิดออก เขาก็เจอกับซงมินโฮที่ยืนจูบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่แค่มองจากด้านหลัง อูจีโฮก็จำได้ ผู้หญิงที่ซงมินโฮรักคนนั้น เจนนี่ คิม









#ซงซึน



วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

FOOL - ซงซึน 11





          หลังจากกลับจากเชจู อูจีโฮและซงมินโฮยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมในทุก ๆ วัน ถ้าหากจีโฮไม่ได้คิดไปเอง พี่มินโฮดูจะตามใจเขามากขึ้นและดุเขาน้อยลง นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดิีขึ้นหรือเปล่านะ




"ไม่ให้ไป" บรรยากาศในห้องนั่งเล่นของพี่ชายตัวโตในตอนนี้ดูจะอึดอัดไม่น้อย เมื่ออยู่ ๆ อูจีโฮก็มาบอกว่าจะไปออกค่ายกับมหาวิทยาลัย และปีหนึ่งทุกคนต้องไป


"แต่ว่า...ถ้าน้องไม่ไป น้องก็ตกกิจกรรมสิครับ"


"ตกก็ให้มันตกไปสิ แค่กิจกรรม มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับชีวิตนายขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง มันไกล"


"แต่....พี่มินโฮครับ น้องไม่อยากตกนี่ครับ" เด็กตัวขาวพยายามใช้ลูกอ้อนต่าง ๆ นา ๆ


"......."


"พี่มินโฮครับ มีอาจารย์ไปดูแลด้วยนะครับ ไม่ได้มีแต่นักศึกษา"


"อยากไปขนาดนั้นเลยหรอ?"


"ก็น้องไม่เคยไป น้องอยากลองไปดูครับ อีกอย่างเพื่อนน้องก็ไปกันหมดเลย" อูจีโฮทำตาแป๋วอ้อนวอน


"ไม่ให้ไป ไม่ต้องคุยเรื่องนี้อีก" ว่าจบร่างหนาก็เดินหายลับเข้าไปยังห้องนอนทันทีโดยไม่สนใจเด็กตัวขาวตรงหน้าอีก


"เอ้า ทำไมพี่มินโฮไม่มีเหตุผลขนาดนี้นะ" เด็กตัวขาวกระเง้ากระงอดบ่นกับตัวเอง ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง





          ซงมินโฮกำลังหงุดหงิดได้ที่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่างานเข้าค่ายครั้งนี้คนที่คิดจะจัดมันคือควอนฮยอก เขาแค่ไม่อยากให้เด็กนั่นอยู่ไกลหูไกลตาและเปิดโอกาสให้ควอนฮยอกได้ตีสนิท เขารู้จักกับควอนฮยอกดี ลูกชาย ผบ.ตร. เสเพลไปวัน ๆ อาศัยบารมีพ่ออวดอำนาจไปทั่ว หึ อูจีโฮหัวอ่อนจะตาย ไม่ทันคนแบบนี้หรอก




          เย็นวันนี้สองครอบครัวมีนัดทานข้าวกันที่บ้านตระกูลอู  เมื่อคุณพ่อคุณแม่ของจีโฮกลับมาเยี่ยมลูกชายอีกครั้ง หลังจากครั้งก่อนได้ไปเที่ยวที่เชจูด้วยกัน อูจีโฮถือโอกาสเอ่ยขออนุญาตพ่อกับแม่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องค่าย และท่านก็อนุญาต เด็กตัวขาวจึงนั่งยิ้มหน้าบานผิดกับพี่ชายตัวโตที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเดือดจนแทบปะทุ หลังอาหารค่ำจีโฮและมินโฮเดินทางกลับไปที่เพ้นท์เฮ้าส์ โดยระหว่างทางอูจีโฮสัมผัสได้ว่าคนข้าง ๆ ต้องโกรธและไม่พอใจเขามาก ๆ แน่




"พี่มินโฮโกรธน้องหรอครับ" เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง ร่างหนาไม่มีทีท่าจะเอ่ยปากพูดคุยอะไรกับจีโฮเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน


"สนใจกันด้วยหรอ?" เอ่ยตอบเด็กน้อยทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้ากดรหัสและเดินเข้าบ้านไป


"โถ่ สนสิครับ อย่าโกรธน้องเลยนะครับ"


"ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน อยากทำอะไรก็ทำ โตแล้วนี่ ฉันพูดอะไรก็ไม่มีความหมายแล้ว"


"พี่มินโฮอ่ะ ก็พี่ไม่มีเหตุผลให้น้องอ่ะ พี่ให้เหตุผลว่ามันไกล แต่มันแค่ปูซานเอง แค่สองคืนเองด้วยนะครับ" อูจีโฮเดินมาหยุดตรงหน้าพี่ชายตัวโตก่อนจะจับแขนเขาเขย่าเบา ๆ


"หึ เออ ฉันมันไม่มีเหตุผลไง ใครจะไปเหมือนไอ้ควอนฮยอกนั่น มันพูดอะไรก็เชื่อมันนี่เดี๋ยวนี้อ่ะ" มินโฮสะบัดแขนออกแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งไปที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น เด็กน้อยรีบตามมานั่งลงข้าง ๆ สีหน้าสลดลง


"พี่ฮยอกเขาเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะครับ?"


"เออ คำก็พี่ฮยอก สองคำก็พี่ฮยอก สนิทกับมันมากหรือไง เรียกแทนกันว่าพี่ว่าน้องงี้ดิ"


"ไม่ใช่นะครับ ก็เขาให้น้องเรียกเขาแบบนี้" ปฏิเสธพัลวันด้วยสีหน้าตื่นตกใจ พี่มินโฮโหมดดื้อไร้เหตุผลแบบนี้ ไม่ใช่คนที่เขาจะรับมือด้วยง่าย ๆ เลย


"อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมาสนใจฉัน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ชีวิตนายก็เชิญใช้ไปเถอะ" พูดจบร่างหนาก็หุนหันออกจากห้องไปทันที อูจีโฮได้แต่ถอนหายใจ นี่เขาทำอะไรผิดงั้นหรอ ทำไมพี่มินโฮจะต้องโกรธเขาขนาดนี้ แล้วเขาต้องทำยังไงต่อไป






          เช้าวันเสาร์มาถึง เป็นสุดสัปดาห์ที่อูจีโฮต้องเดินทางไปค่ายสานสัมพันธ์ที่ปูซาน เด็กน้อยเตรียมตัวแต่เช้าตรู่ แต่ก็ไม่วายเตรียมอาหารเช้าให้พี่ชายตัวโตเช่นเดิม แม้ว่าสองวันที่ผ่านมาหลังจากเรื่องราววันนั้น ซงมินโฮจะไม่คุยกับจีโฮเลยก็ตาม


น้องออกเดินทางโดยรถไฟตอน 07:45 น. 
พี่มินโฮทานข้าวด้วยนะครับ
ไว้ถึงแล้วน้องจะโทรหานะครับ





          เด็กตัวขาวจัดการแปะโน๊ตเล็ก ๆ ไว้บนโต๊ะอาหาร ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่ง เจ้าของห้องน่าจะยังไม่ตื่น สำรวจดูความเรียบร้อยภายในห้องครัวอีกทีก่อนจะออกจากห้องเดินทางไปสถานีรถไฟ


"จีโฮ จีโฮ จีโฮ ...ทางนี้ๆ" เป็นคังซึงยูนที่ยืนอยู่กับคิมฮันบิน โบกไม้โบกมือให้กับจีโฮ


"พวกนายมาถึงนานหรือยังอ่ะ"


"ไม่นานหรอก มาถึงเมื่อกี้เอง ไปลงชื่อกันเถอะ ตรงโต๊ะนู้นน่ะ" ฮันบินเอ่ยตอบเพื่อน แล้วชวนไปลงทะเบียนก่อนเดินทาง



          เมื่อทั้งสามลงทะเบียนเสร็จ ได้ป้ายชื่อและที่นั่งบนรถไฟเรียบร้อย ก็ตั้งแถวรอตามลำดับ เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ปีหนึ่งดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าทุกคน ด้วยความเด็กสุด ประสบการณ์น้อยสุด เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปตามภาษา


"นี่ ฉันน่ะ ลาออกจากคลับที่เล่นดนตรีประจำแล้วนะ" คังซึงยูนเอ่ยขึ้น


"อ้าว ทำไมล่ะ แล้วนายจะไปเล่นที่ไหน" จีโฮและฮันบินตกใจไม่น้อย อูจีโฮเป็นฝ่ายเอ่ยถามเพื่อนสนิท


"ก็กิจกรรมมหาลัยเยอะ งานมหาลัยก็เยอะ บางทีฉันต้องลาบ่อย ๆ เขาก็เคือง ๆ ฉันน่ะ ฉันไม่อยากเป็นภาระให้เขา เลยออกดีกว่า ไว้หาคลับที่ลาได้ง่าย ๆ มีนักดนตรีสำรองได้เมื่อไหร่ ค่อยกลับไปทำงานที่คลับ"


"ฮันบินช่วยอะไรไม่ได้เลย ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องคลับซะด้วยสิ" คิมฮันบินเอ่ยบอกเพื่อน


"แต่ฉันช่วยได้ เดี๋ยวฉันจะลองถามดูนะ ต้องได้แน่ ๆ" อูจีโฮตบบ่าเพื่อนเบา ๆ พร้อมเอ่ยปากช่วยอย่างมั่นใจ




          ทั้งสามคุยกันได้สักพัก รุ่นพี่และอาจารย์ที่ดูแลนักศึกษาแต่ละกลุ่มก็เรียกขึ้นรถ ทุกคนประจำที่นั่งเป็นที่เรียบร้อย มีเพียงที่ว่างข้าง ๆ อูจีโฮเท่านั้นที่ยังว่างอยู่ และไม่ต้องเดาว่าเป็นของใคร รุ่นพี่ที่ดูแลกลุ่มของอูจีโฮยังไงล่ะ


"เหนื่อยมั้ยครับ" ควอนฮยอกเดินมานั่งข้าง ๆ เด็กตัวขาว จัดการรัดเข็มขัดเรียบร้อย ก่อนหันหน้ามาส่งยิ้มให้จีโฮ


"ไม่เหนื่อยครับ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราจะเหนื่อยได้ยังไงครับ เนอะ" อูจีโฮตอบคำถามควอนฮยอกพร้อมหันไปพยักหน้ากับเพื่อน ๆ


"ฮ่าๆ ก็พี่กลัวว่าตื่นเช้าเราจะเหนื่อยนี่นา"


"ไม่หรอกครับพี่ฮยอก จีโฮน่ะ มันตื่นเช้าประจำอยู่แล้ว" ซึงยูนยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนที่นั่งตรงข้าม


"เดี๋ยวพอไปถึง พี่จะอธิบายเรื่องกฎระเบียบแล้วก็ที่พักให้นะ พี่เป็นคนดูแลกลุ่มพวกเราเอง ตอนนี้ก็จะนอนหลับก็ได้นะ ไว้ใกล้ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก"


"ครับ" เด็กทั้งสามขานรับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเป็นคังซึงยูนที่ผลอยหลับไปคนแรก ตามด้วยคิมฮันบิน แต่ไม่มีทีทางว่าอูจีโฮจะหลับตาพักผ่อนเลยสักนิด เขาตื่นเต้นกับสองข้างทางเป็นอย่างมาก แหงแหละ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางโดยรถไฟออกนอกเมือง



"ตื่นเต้นไปทุกเรื่องเลยนะไอ้เด็กน้อยเอ้ย" ควอนฮยอกที่สังเกตปฏิกิริยาอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปขยี้หัวกลม ๆ จนผมฟูฟ่อง


"งื้อ อย่าขยี้หัวสิครับ ผมเสียทรงหมดแล้ว ทำไมทุกคนชอบขยี้หัวผมจังเลย ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ" อูจีโฮหันมาแว้ดใส่รุ่นพี่ที่นั่งด้านข้าง


"ฮ่าๆ เวลาโกรธนี่เหมือนแมวเลย ขู่ฟ่อเชียว พี่จะบอกให้นะว่ามันไม่ได้น่ากลัว"


"หึ๊! ผมไม่ชอบที่ทุกคนชอบคิดว่าผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย" เด็กตัวขาวขมวดคิ้วมุ่น


"หึหึ พี่ไม่ได้คิดว่าเราเป็นเด็กซะหน่อย โตแล้วเนอะ"


"ใช่ น้องสูงมากเลยนะ ดูสิ เท่าพี่ฮยอกเลยด้วยเหอะ"


"โอเค ๆ ยอมแล้วครับ" อูจีโฮยิ้มแป้นเมื่อรุ่นพี่ยอมเขาง่าย ๆ ก็เขาไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทุกคนชอบคิดว่าเขาเป็นเด็กทุกที







          ใช้เวลาสักพักใหญ่ รถไฟก็เดินทางมาถึงปูซาน  มีรถบัสมารอรับพวกเขาอยู่ถึงสามคัน แต่ละกลุ่มขึ้นรถตามที่แบ่งไว้ ออกเดินทางไปยังที่พัก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ยอดฮิต อากาศเดือนกรกฎาคมร้อนระอุ เด็ก ๆ พากันบ่นระงมเรื่องความร้อนของอากาศ ไม่นานรถบัสเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทางมหาวิทยาลัยจึงให้พักในโรงแรม หลังจากที่ตอนแรกลงมติให้ตั้งแคมป์แต่ต้องยกเลิกไป



"เดี๋ยวก่อนนะ....โรงแรมนี้นี่มัน" อูจีโฮบ่นงึมงำออกมาคนเดียว เขานึกแปลกใจเล็กน้อย ก็โรงแรมที่เขาและเพื่อน ๆ นักศึกษาเข้ามาพักมันเป็นโรงแรมของตระกูลซงไงล่ะ แสดงว่าพี่มินโฮต้องรู้ว่าเขาจะมาพักที่นี่ แล้วทำไมตอนแรกถีึงไม่ยอมให้เขามากันล่ะ คิดได้ไม่นานก็ส่งข้อความบอกพี่ชายตัวโตทันทีว่าถึงที่พักเรียบร้อยแล้ว พร้อมตัดพ้อว่าพักที่โรงแรมพี่มินโฮทำไมไม่บอกเขา นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันร้องว้าวอย่างตกอกตกใจไม่น้อย ที่ได้เข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาวแบบนี้



     

          เมื่อจัดแจงเรื่องห้องพักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายเอาสัมภาระไปเก็บยังห้องตัวเอง ก่อนจะลงมารวมตัวยังห้องโถงใหญ่ อูจีโฮและเพื่อน ๆ ได้พักห้องเดียวกัน ซึงยูนอาสานอนเตียงเสริมเอง แต่ละคนเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยก็ลงมายังพื้นที่จัดกิจกรรม




          นักศึกษาทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำ อูจีโฮและเพื่อน ๆ ในกลุ่มเข้าสู่กิจกรรมสุดท้าย มันคือเกมเปเปโร่ โดยให้คนในกลุ่มแบ่งเป็นคู่ ๆ ก่อนจะทำการแข่งขันกัน อูจีโฮโดนเพื่อนทั้งสองแกล้งโดยการจับคู่กันเอง ทำให้จีโฮกลายเป็นคนไม่มีคู่


"จีโฮไม่มีคู่ครับ รุ่นพี่เล่นด้วยคนนึงได้มั้ยครับ" เป็นคังซึงยูนตัวดีอีกนั่นแหละเอ่ยขึ้นมาแถมยังหันหน้าไปหาควอนฮยอกที่ยืนอยู่ที่ซุ้ม


"เอ่อ...ผมไม่เล่นก็ได้ครับ ไม่เป็นไร"


"ไม่ได้สิจีโฮ เล่นมาหมดแล้ว ไม่เล่นอันสุดท้ายก็แปลก ๆ พี่ฮยอกครับ เป็นคู่ให้จีโฮหน่อยได้มั้ยครับ" ควอนฮยอกชี้นิ้วเข้าไปที่ตัวเองหลังจากซึงยูนเอ่ยขึ้น ก่อนเขาจะยิ้มเล็กน้อยพร้อมเดินออกมาตรงหน้าอูจีโฮ


"ได้ครับ เดี๋ยวพี่เล่นเป็นเพื่อน" สิ้นประโยคของควอนฮยอก ก็มีเสียงกรี๊ดเกรียวกราวกันเกิดขึ้น ทำเอาเด็กตัวขาวทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว



          กฎกติกาของเกมเปเปโร่คือ คาบขนมป๊อกกี้คนละฝั่ง ก่อนจะงับเข้ามาทีละนิด ใครเหลือขนมสั้นที่สุดคือผู้ชนะ เมื่อเสียงนกหวีดเป่าปรี๊ดเริ่มต้นที่คู่แรก ต่อด้วยคู่ที่สอง สาม สี่ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคู่ของจีโฮและควอนฮยอกเป็นลำดับสุดท้าย เขาเริ่มงับป๊อกกี้ไปทีละนิด ๆ โดยไม่สบตากับรุ่นพี่ตรงหน้าเลยสักนิด ต่างกันกับฮยอก ที่สายตาจดจ้องไปยังใบหน้าที่ตอนนี้ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากทั้งคู่จะแตะกันอยู่แล้ว อูจีโฮจึงผละออก แก้มแดงขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย สร้างความเสียดายให้คนที่ลุ้นอยู่บริเวณรอบ ๆ




          เมื่อเสร็จกิจกรรมสุดท้ายและรับประทานอาหารค่ำเรียบร้อย รุ่นพี่และอาจารย์ทั้งหลายจึงปล่อยให้เด็ก ๆ ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ทุกคนที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและทำกิจกรรมร่วมกันทั้งวันแล้วจึงพากันขึ้นห้องพัก บรรยากาศยามค่ำคืนที่โรงแรมเงียบสงบ


ติ้ง~


เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือของอูจีโฮดังขึ้นทำลายความเงียบ ตอนนี้เขาอยู่ห้องคนเดียว เมื่อเพื่อนทั้งสองขอตัวออกไปเดินเล่นรอบ ๆ ยังไม่กลับมา


ออกมาหาที่สระว่ายน้ำหน่อย





อูจีโฮต้องขยี้ตาอีกครั้ง ซงมินโฮส่งข้อความมาบอกให้เขาออกไปหา นี่พี่มินโฮมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือพี่ชายตัวโตจะหายโกรธเขาแล้วนะ เตรียมตัวเดินออกจากห้องก็พอดิบพอดีกับเพื่อนทั้งสองกลับมา ก่อนจะบอกกล่าวเพื่อน ๆ ว่าขอออกไปเดินสูดอากาศแป๊ปนึง ซึงยูนย้ำว่าอย่าไปนาน เพราะมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า จีโฮรับปากเพื่อนสนิทก่อนจะผละออกไป




          ที่ริมสระว่ายน้ำใหญ่ที่โรงแรม ช่วงเวลาเกือบ ๆ 5 ทุ่ม ไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงร่างหนาที่ยืนดูดบุหรี่อยู่ อูจีโฮค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ เมื่อมินโฮเห็นเด็กน้อยเดินมาถึงแล้ว เขาจึงหยุดดูดบุหรี่ก่อนจะดับมันลงในที่เขี่ยบุุหรี่ 



"พี่มินโฮ มาอยู่นี่ได้ไงครับ" 


"ขับรถมา" 


"น้องไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย" 


"มาใกล้ๆ นี่ซิ" 


เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับซงมินโฮอย่างสงสัยเล็กน้อย


"เมื่อเย็นเล่นเกมอะไร?" 


"ครับ? เกมอะไรคืออะไรครับ" อูจีโฮทำหน้างงเล็กน้อย อยู่ ๆ พี่ตัวโตก็ถามอะไรไม่รู้ เขาเล่นเกมในกิจกรรมตั้งหลายเกม แล้วซงมินโฮจะหมายถึงเกมตัวไหนกันล่ะ


"ก็ไอ้เกมที่จูบกับไอ้ควอนฮยอกนั่นไง!" เด็กตัวขาวตาโตตกใจ ซงมินโฮเห็นงั้นหรอ แต่เขาไม่ได้จูบกันซักหน่อย ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่เขาด้วย


"น้องเปล่านะ น้องไม่ได้จูบกับพี่ฮยอกซะหน่อย ปากไม่แตะกันเลยจะเรียกว่าจูบได้ยังไง" 


"แล้วทำไมต้องไปเล่นเกมบ้าบอแบบนั้นห๊ะ?!" เขาหัวเสียไม่น้อย เมื่อเย็นที่เขาเพิ่งจะมาถึงแล้วเดินผ่านห้องโถงที่ใช้จัดกิจกรรมของนักศึกษาม.โซล แล้วได้ยินเสียงเกรียวกราวจึงมองลงไปยังห้องนั้นปรากฎภาพเด็กตัวขาวที่กำลังเล่นเกมเปเปโร่กับควอนฮยอกอยู่ 


"ทำไมพี่มินโฮต้องอารมณ์เสียใส่น้องด้วยล่ะครับ ยังไม่หายโกรธเรื่องที่น้องขอมาค่ายนี้อีกหรอ" 


"อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง" 


"พี่มินโฮ.... ถ้าจูบกันมันต้องสัมผัสกันสิ แต่นี่ปากน้องอยู่ห่างตั้งเยอะ เนี่ยน้องจะทำให้ดู ปากน้องอยู่ห่างแบบนี้..." เด็กน้อยที่พยายามจะอธิบายให้พี่ชายตัวโตรับฟัง พลางจัดท่าทางให้รู้ว่าปากเขาไม่ได้สัมผัสกับควอนฮยอกจริง ๆ โดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ริมฝีปากเขาห่างจากซงมินโฮไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร


"ไม่โดนจริงด้วย แบบนั้นไม่เรียกว่าจูบสินะ จูบมันต้องแบบนี้" 


ไม่ว่าเปล่า ร่างหนาบดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากของเด็กตัวขาวที่ยั่วยวนเขาอยู่ตรงหน้า มือแกร่งรวบเอวบางกระชับเข้ามาหาตัว เขาไม่ได้รุกล้ำเด็กน้อย เพียงสัมผัสแผ่วเผาที่ริมฝีปากเท่านั้น แค่นี้ก็ทำให้อูจีโฮร่างอ่อนยวบ ตกใจไม่น้อย นี่มันจูบแรกของเขานะ 


"พะ...พี่ พี่มินโฮ ทะ ทะ ทำไม ทำไมทำแบบนี้ครับ นี่มันจูบแรกของน้องนะ!" 


"ไม่ใช่ซะหน่อย ถ้านายเรียกไอ้การแตะปากกันว่าจูบ แสดงว่าเราจูบกันตั้งแต่ในลิฟต์ตอนนั้นแล้วต่างหาก" 


"พี่มินโฮ!!" 


"หรือถ้านายเรียกไอ้ที่ปากแตะกันในลิฟต์ว่าอุบัติเหตุ งั้นจูบแรกของนายก็ตอนที่นายหลับหน้าห้องแล้วฉันต้องอุ้มนายเข้ามานอนที่ห้องฉัน" 


อูจีโฮตาโตกว่าเดิม เขาตกใจไม่น้อย นี่พี่มินโฮจูบเขาตอนเขาหลับงั้นหรอ


"แต่จะบอกให้นะเด็กน้อย ว่าไอ้การที่ปากแตะกันเฉย ๆ น่ะ เขาไม่เรียกกันว่าจูบหรอก จูบจริง ๆ มันต้องแบบนี้" 


ร่างหนาไม่รอให้เด็กน้อยในอ้อมกอดผละหนี เขาบดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากอวบอิ่มของเด็กน้อยอีกครั้ง มือหนารั้งคอขาวให้เข้ามาแนบชิด ก่อนจะใช้ลิ้นสอดเข้าไปชิมจูบรสหวานของเด็กไม่ประสีประสา เนิ่นนานเอาแต่ใจจนเด็กตรงหน้าทุบอกประท้วงเมื่อขาดอากาศหายใจ


"นี่ต่างหากจูบแรกของเรา" ซงมินโฮเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉย ในขณะที่เด็กตัวขาวในอ้อมกอดตอนนี้หน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ ก้มหน้างุดก่อนจะเอ่ยออกมาเบา ๆ


"พี่มินโฮ พะ พี่มินโฮแกล้งน้องอีกแล้ว" 


"ไม่ได้แกล้ง นี่เอาจริง" 


"พี่ พี่บอกไม่ได้คิดอะไรกับน้อง ละ ละ แล้ว แล้วมาจูบน้องทำไม" 


"ซื่อบี้อ คนไม่คิดอะไรจะมาจูบแบบนี้ได้ยังไง คิดบ้าง" 


"หมะ...มะ หมาย ความ ว่า ยะ ยังไง ครับ"  ร่างหนาอมยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูเด็กตัวขาวตรงหน้าเบา ๆ


"คืนนี้นอนห้องฉันสิ เดี๋ยวอธิบายให้ฟัง" 


"บ้า!! พี่มินโฮทะลึ่งที่สุด น้องไม่คุยด้วยแล้ว น้องจะกลับห้อง" เด็กน้อยฟาดฝ่ามือไปที่แขนแกร่งหนึ่งทีก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของร่างหนา พลางวิ่งหนีขึ้นห้องนอนทันที 


ซงมินโฮหัวเราะขำให้กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงดังประมาณหนึ่ง


"นายมันก็ได้แค่ใกล้นะควอนฮยอก อย่ามายุ่งกับอูจีโฮ" ควอนฮยอกเดินออกมาจากมุมหนึ่งเผชิญหน้ากับซงมินโฮ


"หึ คุณนี่เหมือนเด็กอยากเอาชนะเลยนะ ผมไม่ได้สนใจจะแข่งอะไรกับคุณ ผมสนใจที่ความรู้สึกของจีโฮมากกว่า อย่าทำให้จีโฮเสียใจ เพราะถ้าเมื่อไหร่เขาต้องร้องไห้เพราะคุณ ผมนี่แหละจะเป็นคนไม่ปล่อยจีโฮไปหาคุณอีกเด็ดขาด​"



"จีโฮคือคนของฉัน นายไม่ต้องอยากมาดูแล ฉันดูแลเองได้ คนอย่างนายมีแต่จะทำให้จีโฮเสียใจ"



"เก็บไว้บอกตัวเองเถอะครับ คำนั้นน่ะ" ควอนฮยอกไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้าน สบตากับซงมินโฮอย่างดุเดือด ก่อนจะผละเดินกลับห้อง ยังไม่วายหันมาเอ่ยส่งท้ายให้กับซงมินโฮที่ยืนนิ่งอยู่



"เพราะผมอยากให้คุณรู้ไว้ ว่าสำหรับอูจีโฮ ผมเอาจริง" 












#ซงซึน