วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

PD ขี้อ่อย{โน่โค่} - Special -






          อูพีดีจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย หลังจากได้รับข้อความจากแฟน อืม แฟนนั่นแหละ ถึงแม้จะคบกันมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชินในการเรียกแรปเปอร์หนุ่มว่าแฟนอยู่ดี พีดีร่างบางสวมเสื้อยืดสีขาวตัวบางกับกางเกงขาสั้นเลยเข่านิดหน่อย ซึ่งเป็นชุดนอนปกติของตัวเขา






"คุณ...เข้ามาก่อนสิครับ"






          แรปเปอร์หนุ่มยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องส่งยิ้มอ่อนหวานให้เจ้าของห้องที่มาเปิดประตูให้ ก่อนจะเดินเข้ามา ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นราวกับว่าเป็นห้องของตัวเอง






"มานี่หน่อยสิครับ"






          เขาเอ่ยเรียกอูพีดีที่กำลังเดินมาสมทบ พร้อมตบแปะๆไปที่โซฟาข้าง ๆ เป็นการส่งสัญญาณให้คุณพีดีมานั่ง






"คุณมินโฮ..." อูพีดีเอ่ยขึ้น ทันทีที่เขานั่งลงร่างหนาที่อยู่ข้าง ๆ ก็กอดเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว





"ผมคิดถึงแฟน วันนี้ทั้งวันแทบไม่ได้คุยกันเลย" แรปเปอร์หนุ่มเอ่ยขึ้น





"ก็เราทำงานทั้งคู่นี่ครับ อีกอย่างวันนี้ผมก็ยุ่งทั้งวันเลย"





"จูบหน่อย" ไมโนเอ่ยขึ้นพร้อมส่งตาหวานฉ่ำให้กับคนข้าง ๆ





"คุณนี่!!!"





ไมโนอมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปรวบเอวบางของอูพีดีให้กระชับแน่นขึ้น พร้อมกับกดริมฝีบากลงไปยังริมฝีปากอวบอิ่มที่เย้ายวนเขาอยู่ อ้อยอิ่ง เนิ่นนาน และเอาแต่ใจ ก่อนจะผละออกเมื่อพีดีตัวขาวทุบอกประท้วงไปหนึ่งที






"ไม่เห็นหายคิดถึงเลย" ไมโนเอ่ยขึ้นขณะที่ใบหน้ายังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากแก้มหรือปากอูพีดีแม้แต่น้อย






เขาประกบปากลงมาอีกครั้ง มันทั้งอ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความกระหายอยาก ลิ้นร้อนเริ่มลิ้มชิมรสหวานจากโพรงปากของจีโฮ เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อยอย่างหยอกล้อ ก่อนที่ไมโนจะยกตัวของอูจีโฮขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ร่างบางส่งเสียงประท้วงเล็กน้อยในลำคอ พร้อมดิ้นขยุกขยิกอยู่ตลอดเวลาด้วยความที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน






"จีโฮอ่า ยะ..อยู่...นิ่ง ๆ ก่อนครับ" ไมโนเอ่ยเรียกคนบนตักด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จนอูพีดีหน้าขึ้นสีน้อย ๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อเขารู้สึกถึงสิ่งที่กำลังดุนดันอยู่บริเวณสะโพกนั้น อูจีโฮไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาขนาดถึงขั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ คนที่เขานั่งทับตักนั้นเป็นอะไร





"คุณ..."





"อยู่นิ่ง ๆ แป๊ปเดียว....นะครับ นะ เดี๋ยวมันก็ลง"





"ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ ...มัน..มันจะลง..ได้ยังไงเล่า ถ้า..ถ้าผมยังนั่งอยู่แบบนี้"





"ผมจะไม่ทำอะไรถ้าคุณไม่พร้อม...เอ่อ...แต่ ...ผมขอเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงได้มั้ย"





"........" อูพีดีก้มหน้างุด ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แก้มขาวฟูสองข้างขึ้นสีแดงจัดลามไปถึงหู





"แต่...ถ้าผมเผลอเรียกชื่อคุณไปด้วย..." ตุ้บ  !!  อูพีดีทุบไปที่หัวไหล่ของไมโนหนึ่งที โทษฐานที่พูดจาทะลึ่งตึงตังได้หน้าตาเฉยที่สุด





"ถ้าจะขนาดนั้นก็ทำเถอะ"






ไมโนเลื่อนมือไปเชยคางอูพีดีให้เงยหน้าขึ้น พีดีร่างบางกัดริมฝีปากเล็กน้อย บวกกับใบหน้าที่แดงซ่านเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป แต่กลับทำให้ไมโนคิดว่ามันเป็นภาพที่เซ็กซี่และน่ามองที่สุด





"คุณ...แน่ใจหรอ?"





"ขนาดนี้แล้วยังจะถามอีก!! ผมไม่พูดแล้ว" อูจีโฮค้อนให้ไมโนหนึ่งที คนบ้าอะไรถามอยู่ได้ จะให้พูดซ้ำได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เขาเขินแทบจะมุดโซฟาหนีไปแล้ว





"งั้น...ไม่พูดแล้วเนอะ ทำดีกว่า" ไมโนยักคิ้วให้คนบนตักอย่างยียวน ก่อนจะเปลี่ยนท่าให้อูพีดีมานั่งคร่อมตักเขาแทน





ไมโนดึงอูพีดีให้มารับริมฝีปากเขาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ร้อนแรงและยั่วยวนมากกว่าทุกครั้ง จนอูพีดีรู้สึกหวิว ๆ ในช่องท้อง โดยหารู้ไม่ว่า ตอนนี้เสื้อผ้าที่ปิดบังร่างกายตนเองอยู่นั้น กำลังจะหลุดออกทีละชิ้น ๆ





"ปะ..ไป..ที่ห้องเถอะ" อูจีโฮเอ่ยเสียงกระเซ่าบอกเจ้าของตักที่เขานั่งคร่อมอยู่ แถมตอนนี้เสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้น อะไรกันทำไมเอาเปรียบ นี่เขาต้องเปลือยเปล่าอยู่คนเดียวงั้นหรอ





"อืม" ... ไมโนตอบกลับแต่ยังไม่ละริมฝีปากออกจากหน้าอกเล็กของอูพีดี





"อื้อ...คะ..คุณ อ๊ะ...อย่ากัด"





อูจีโฮร้องประท้วงเมื่อไมโนขบกัดลงมาเบา ๆ บนยอดอกทำเขาเสียวซ่านไปทั่วร่าง ตอนนี้ไมโนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าอูพีดีกำลังทำให้เขาคลั่ง เขาลากมือไปตามสันหลังเบา ๆ ผิวขาวละเอียดนวลใสน่าทำให้ขึ้นรอยทั้งตัวซะจริง ๆ





"จีโฮอ่า....ตรงนี้ก่อนได้มั้ย ไม่ไหวแล้ว"





แรปเปอร์หนุ่มส่งสายตาเว้าวอนหวานฉ่ำให้กับคนตัวขาวบนตัก เหมือนเป็นการขอร้องร่างบางกลาย ๆ อูพีดีไม่ได้เอ่ยตอบเพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ มือของไมโนก็เคลื่อนมายังกลางลำตัวของคนบนร่างทันที พร้อมกับรูดมันขึ้นลงอย่างรวดเร็ว





"อึก...อ้า....ยะ..อย่า...อ้ะ มินโฮ...."





"ครับ"





"อ่า...มะ..มินโฮ...อื้อ" ไม่ปล่อยให้ปากอูจีโฮว่าง ไมโนประกบปากฉกชิงห้วงเสียงของอูพีดีเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือของเขาก็ทำหน้าที่อย่างดีจนกระทั่งคนบนตักปลดปล่อยออกมา เขาจึงผ่อนมือลง





"ถ้าเจ็บ...บอกผมนะครับ"





"ทะ...ทำ..ทำไมคุณ...ใส่เสื้อผ้าอยู่เลย"





"งั้น...ถอดให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ...แฟน"






ไมโนส่งสายตาหวานฉ่ำเอ่ยขึ้น อูพีดีแทบไม่กล้าสบตา เขาก้มหน้าและค่อย ๆ เอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของร่างหนาทีละเม็ด ทีละเม็ด ไอ้ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ บวกกับมือสั่นเล็กน้อยของอูพีดีอยู่ในสายตาของไมโนตลอดเวลา เขาคิดว่ามันเป็นภาพที่กระตุ้นบางอย่างในตัวเขาเป็นอย่างดี หึ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก นั่นเป็นเพราะคนบนตักเขาตอนนี้คือ อูจีโฮ ต่างหาก ไม่ว่าอูพีดีจะทำอะไรก็ดูน่าตื่นเต้นไปเสียหมด






ในขณะที่ร่างบางกำลังวุ่นวายอยู่กับการปลดเข็มขัดกางเกงของไมโน มือทั้งสองข้างของแรปเปอร์หนุ่มก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี เขาขยำสะโพกของจีโฮอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะส่งนิ้วเข้าไปเบิกทางเสียก่อน ร่างบางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็สะดุ้งโหยงทันที





"..อ๊ะ....จะ..เจ็บ"





"ไม่เกร็งนะครับ คนดี"





ไมโนเอ่ยปลอบประโลมคนบนร่าง ก่อนจะจูบซับไปที่ขมับที่มีเหงื่อเม็ดเล็กเกาะอยู่ เขาเองก็พยายามที่จะทำอย่างอ่อนโยนที่สุด แต่ทว่าคนบนร่างที่บิดเร้าอยู่ตอนนี้กลับกลายเป็นยั่วยวนเขาอย่างไม่รู้ตัว





"อ่า...พะ..พอ พอก่อน...อืมม..."





"ครับ? จะให้ผมหยุดมั้ย?"





ร่างหนาเอ่ยถามเนื่องจากเห็นสีหน้าเหยเกของคนบนตัก แถมยังเอ่ยบอกว่าให้พอก่อน พลางคิดว่าพีดีตัวน้อยของเขารู้สึกไม่สบายตัวหรืออึดอัดขึ้นมา หรือจะให้เขาหยุดตอนนี้ .... คงทำให้ไม่ได้หรอกนะ






"เปล่า...เปล่าครับ...สะ...ใส่...ใส่เข้ามา"






เมื่อได้ยินดังนั้น ไมโนก็เผลอยิ้มออกมา อูพีดีหน้าแดงซ่านตามแรงอารมณ์แถมยังถูกกระตุ้นจากไมโนจนกระทั่งเขาเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง





"อ้ะ!!!...อื้อ....จะ..เจ็บ...เดี๋ยวก่อนครับ ยะ...อย่าเพิ่ง..ขยับนะ.."





"ไม่เกร็งนะครับ...อ่า...จีโฮ"






ไมโนเองก็แทบจะทนไม่ไหว เขาจับพลิกร่างของอูพีดีให้ลงมานอนที่โซฟา ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับสะโพกช้่า ๆ เพื่อให้ร่างบางผ่อนคลาย เขาพยายามที่จะอ่อนโยนที่สุด เพราะคนที่อยู่ใต้ร่างของเขาตอนนี้คือคนที่เขาอยากดูแลมาตลอดชีวิต





"อ๊า.....มินโฮ...ขยับ..ขยับนะครับ"





"หึหึ ได้ครับ"






แต่ใช่ว่าไมโนจะไม่ชอบกลั่นแกล้ง เขาอยู่นิ่งในท่านั้นอยู่สักพัก ก่อนที่จีโฮเองที่รู้สึกอึดอัดจนต้องเอ่ยขอร้องให้ไมโนทำสิ่งน่าอายนั้นกับตัวเอง ให้ตายสิ นี่เขากล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน






"อ่า...จีโฮอ่า....อื้ม..."  ไมโนครางฮึ่มอยู่ในลำคอ เขาแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว





"อะ...มินโฮ อ่า มะ..มินโฮ"






สองร่างเกี่ยวกระหวัดกอดรัดกันแน่น ก่อนจะปลดปล่อยความสุขออกมาทั้งคู่พร้อม ๆ กัน ไมโนอุ้มอูพีดีขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในห้องนอน....









#PDขี้อ่อย




ปล. อ้าว คุณพีดีขอให้เขาทำเองนี่นา โถ่ว นังเหล้าขาวผสมดีงูพิษ (เสียงปาร์คคยอง)





วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

FOOL - ซงซึน 13





          หลังกลับจากค่ายที่ปูซาน ดูเหมือนว่าอูจีโฮและซงมินโฮจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น เด็กตัวขาวเองไม่เข้าใจหรอกว่าที่เขาทั้งคู่เป็นอยู่ตอนนี้คืออะไร เขารู้เพียงว่าเขามีความสุข และคิดว่าเขาควรจะเห็นแก่ตัวกอบโกยเอาความสุขนี้สักครั้งในชีวิต



"หอมจัง เช้านี้ทำอะไรกินครับ"



          ซงมินโฮที่เพิ่งตื่นเดินออกมาจากห้องนอนก็พบกับร่างบางที่วุ่นวายอยู่ในครัวแต่เช้า เขาเดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง พร้อมกดจมูกลงไปจมแก้มขาวฟูนั่นฟอดใหญ่


"อ้ะ! พี่มินโฮ ปล่อยน้องก่อน น้องทำกับข้าวไม่ถนัดนะครับ"


"ไม่อยากปล่อย"


"เอาแต่ใจที่สุดเลย"


"เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำพี่แล้วหรอ"



          เขาปล่อยให้เด็กตัวขาวเป็นอิสระ ก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารอมยิ้มมองแผ่นหลังบางที่กำลังยุ่งอยู่กับอาหารเช้า



"เย็นนี้พี่ต้องเข้าไปที่คลับ ไม่ต้องรอทานข้าวนะ"


"น้องไปด้วยไม่ได้หรอครับ" เด็กน้อยทำหน้าตาอ้อนวอน


"ไม่ได้"


"ทำไมล่ะครับ น้องเหงา ไม่อยากทานข้าวคนเดียว" ไม่ลดละความพยายามที่จะขอติดตามพี่ชายตัวโตไปคลับด้วย เขาไม่ได้ไปเหยียบที่คลับของซงมินโฮอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องราวครั้งนั้น ซึ่งมันก็ล่วงเลยมากว่าครึ่งปีแล้ว


"ครั้งก่อนเกิดอะไรขึ้นจำได้มั้ย? พี่โกรธมากรู้ตัวหรือเปล่า"


เมื่อทำอะไรไม่ได้ อูจีโฮก็ใช้ท่าไม้ตาย เพียงแค่เขาเริ่มเบะปากเท่านั้น พี่ชายตัวโตก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน


"ไม่ต้องมาใช้น้ำตา พี่ไม่หลงกลเราหรอกนะจีโฮ"


          อูจีโฮขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก้มหน้างุด พี่มินโฮโหมดดุกลับมาอีกครั้ง เขาได้แต่พยักหน้า และเดินกลับห้องไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยอ้อนวอนอะไรซงมินโฮอีก






         หลังจากทานอาหารเช้าที่เด็กตัวขาวเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ซงมินโฮก็ออกเดินทางเข้าบริษัท เขาต้องเคลียร์งานที่คั่งค้างมาทั้งสัปดาห์ วันนี้ทั้งวันเขาต้องยุ่งเสียจนไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรอย่างแน่นอน




          แต่ผิดคาด ซงมินโฮไม่มีสมาธิในการทำงานเลยสักนิด แม้กระทั่งในห้องประชุมเรื่องแผนงบประมาณประจำไตรมาสสุดท้ายก็ยังไม่ได้เข้าหูเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ในหัวเขามีแต่เรื่องของอูจีโฮเต็มไปหมด ภาพสุดท้ายที่เด็กนั่นเบะปากทำหน้าตาจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อต่อหน้าเขาวนเวียนอยู่ซ้ำไปซ้ำมา




          ทั้ง ๆ ที่พยายามแล้วที่จะไม่รู้สึกกับเด็กตัวขาวให้มากนัก เขาปิดกั้นตัวเองออกจากทุกคนที่เข้าหา เพียงเพราะเขาเองที่อ่อนแอ เกรงกลัวความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้ืนอีกครั้ง ถ้าหากว่าเขานำชีวิตของตัวเองไปผูกติดกับใครคนใดคนหนึ่งมากเกินไป แต่ตอนนี้ เขากำลังเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับอูจีโฮ และเด็กนั่นกำลังมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขา




ติ๊งหน่อง~ 


          เสียงกริ่งหน้าประตูทำให้อูจีโฮสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขากำลังแชทคุยกับเพื่อน ๆ ทั้งสองอยู่อย่างออกรส



"อ้าว พี่มินโฮ มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ" เด็กน้อยรู้สึกแปลกใจที่อยู่ ๆ พี่ชายคนสนิทกลับมาโผล่อยู่ที่หน้าห้องในเวลาบ่ายสองกว่า ๆ ทั้ง ๆ ที่ควรจะอยู่ที่บริษัท


"อูจีโฮ...เรานี่มัน...เกินไปแล้วนะ" เจ้าของชื่อทำหน้าฉงน พร้อมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อซงมินโฮเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาในห้องหน้าตาเฉย


"พี่มินโฮเป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย"


"ทำอะไรอยู่"


"น้องหรอครับ? น้อง...แชทคุยกับซึงยูนกับฮันบินอยู่ครับ"


"นี่ ทำให้คนอื่นคิดมากไม่สบายใจ ในขณะที่ตัวเองกลับแชทคุยกับเพื่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ" ตอนนี้อูจีโฮที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนตัวโตยิ่งงงเข้าไปใหญ่ นั่นซงมินโฮกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่


"หมาย..หมายความว่ายังไงครับ น้องทำอะไรผิดอีกล่ะทีนี้ หึ"


"แน่ะ อย่ามาทำหน้างอ ก็เราทำให้พี่ไม่มีสมาธิทำงาน ต้องโดนลงโทษ" อยู่ ๆ ร่างหนาที่นั่งอยู่ด้านข้างก็โน้มตัวมาหาเด็กตัวขาว สองมือหยัดไว้ที่โซฟาเป็นที่ล็อคเด็กน้อยไม่ให้หนีไปไหนโดยปริยาย


"พะ...พี่ พี่มินโฮ...อื้อ" พี่ชายตัวโตจอมเอาแต่ใจไม่ยอมให้เด็กน้อยในวงแขนพูดพร่ำอะไรทั้งสิ้น เขาจัดการปิดปากอูจีโฮด้วยริมฝีปากของเขาเอง อูจีโฮเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่ซงมินโฮเป็นคนที่เอาแต่ใจมากกว่า และร่างบางใต้อาณัติของเขาในตอนนี้ก็พร้อมจะตามใจเขาทุกอย่าง


"อื้อ!....แฮ่ก พี่มินโฮ!!" เด็กน้อยประท้วงพร้อมทุบไปที่หัวไหล่ของพี่ชายตัวโตหลายที ก่อนที่ซงมินโฮจะผละริมฝีปากออกมา


"ขี้ยั่ว..."


"น้องยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!"


"ช่วยไม่ได้ ... ใครบอกอยากปากหวานเอง" พูดพร้อมยักคิ้วให้จีโฮไปหนึ่งที ก่อนจะปล่อยเด็กตัวขาวให้เป็นอิสระ


"งื้อออ ... พี่มินโฮฉวยโอกาสกับน้องตลอด" ตัดพ้อกลาย ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ใบหน้าของเด็กน้อยขึ้นสีแดงแจ๋ ลามไปถึงหู


"พี่ยอมให้ไปคลับด้วยก็ได้คืนนี้ แต่.."


"จริงหรอครับ!! เย้ เย้ พี่มินโฮใจดีที่สุดเลย"


"ฟังพี่ก่อน แต่มีข้อแม้ หนึ่งห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด สองห้ามคุยกับคนแปลกหน้า สามห้ามอยู่ห่างจากพี่เกินสามเมตร ตกลงมั้ย ถ้าไม่ตกลงก็ไม่ให้ไป"


"ตกลงครับ" ตอบรับพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โผเข้ากอดพี่ชายตัวโตอย่างออดอ้อน


"ถือว่าตกลงแล้วนะครับ ถ้าเราทำไม่ได้ พี่จะลงโทษเราหนักๆ" เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับซงมินโฮเล็กน้อยก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำ ร่างหนามองการกระทำนั้นอย่างเงียบ ๆ แม้ในใจจะขัดแย้งอย่างหนัก เขาอยากจะจับเด็กนี่ฟัดให้จมเตียงดูสักที ข้อหาน่ารักมากเกินไป


"...ลงโทษอีกแล้วหรอครับ...จะ...จะลงโทษแบบเมื่อกี้หรอครับ" อูจีโฮก้มหน้าหลบสายตาที่ถูกส่งมา มุดหน้าเข้าหาแผงอกแกร่งของร่างหนา


"ถ้าไม่ทำตามที่พี่บอก .... พี่จะลงโทษมากกว่านี้อีก ลองดูสิ" ซงมินโฮก้มลงมากระซิบที่ข้างหูเด็กน้อยพร้อมยิ้มมุมปากท่าทางเจ้าเล่ห์


"พี่มินโฮหมายความว่ายังไงครับ"


"ไหนบอกว่าโตแล้ว ก็ต้องรู้ดิ...ว่าคนที่เขาโตกันแล้วเขาทำอะไรกัน" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เด็กตัวขาวตรงหน้านี้ หน้าแดงหูแดงไปถึงไหนต่อไหน เขาไม่กล้าแม้แต่ต่อปากต่อคำกับซงมินโฮอีก ได้แต่ก้มหน้างุดพลางคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้อันตรายต่อใจเขาแค่ไหน ซงมินโฮขยันทำให้เขาเขินอายได้ตลอดสินะ





          หลังจากกลับเข้ามาเคลียร์กับเด็กน้อยเรียบร้อย ซงมินโฮก็กลับเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัทอีกครั้งในเวลาเกือบ ๆ สี่โมงเย็น



19:00 น.


"ไม่เอาชุดนี้ ห้ามใส่กางเกงขาด" เสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ของซงมินโฮเอ่ยขึ้นปฏิเสธ เมื่ออูจีโฮเดินกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นรอบที่สาม


"พี่มินโฮ....น้องเหนื่อยแล้วนะ ชุดนั้นก็ไม่ได้ ชุดนี้ก็ไม่เอา งื้อ!" เด็กน้อยบ่นกระปอดกระแปดปวดหัวกับซงมินโฮเหลือเกิน


"ก็ดูแต่ละชุด กางเกงนี่จะรัดไปไหนแต่ละตัว ไม่รัดก็ขาดไปถึงขาอ่อน"


"พี่มินโฮ นี่มันเป็นแฟชั่นนะครับ"


"มีกางเกงที่มันไม่รัดไม่ขาดมั้ย มีเสื้อที่มันไม่บางมั้ย ไปใส่ตัวนั้น"


"ให้น้องใส่โค้ทไปดีมั้ยครับ"


"ถ้าไม่ร้อนก็ใส่"


          อูจีโฮถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นรอบที่สี่ รอบนี้เขาเลือกจะใส่เสื้อแขนยาวโอเวอร์ไซส์พร้อมกางเกงยีนส์สีเข้ม จากนั้นเดินออกมาเห็นพี่ชายตัวโตที่นั่งรออยู่ที่โซฟาพยักหน้า แปลว่าเขายอมให้ไปด้วยชุดนี้ ให้ตายสินี่มันหน้าร้อนนะ!!





          ใช้เวลาไม่นานซงมินโฮและเด็กตัวขาวก็มาถึงคลับ เขาพาเด็กน้อยเข้าทางด้านหลังเช่นเดิม พร้อมรีบพาขึ้นไปยังห้องวีวีไอพีชั้นบนในทันที เขาไม่ชอบสายตาของคนอื่นที่มองอย่างแทะโลมมายังเด็กน้อยข้างกายเขา




"โว้ว ๆ ๆ ๆ ดูสิว่าใครมา" เสียงหนึ่งในห้องวีวีไอพีเอ่ยขึ้น


"น้องจีโฮ...โดนขังในหอคอยงาช้างหรอครับ" และเสียงนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จองฮยอนแทเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของซงมินโฮนั่นเอง


"เก็บปากไว้แดกเหล้าเถอะฮยอน" ซงมินโฮหันไปต่อว่าพร้อมชูนิ้วกลางให้เพื่อน เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนทั้งโต๊ะได้เป็นอย่างดี


"มา ๆ ๆ จีโฮครับ มานั่งข้างพี่ฮุนนี่มา มาเร็วเด็กดี"


"เอ่อ...คือ" อูจีโฮทำท่าทางอึกอักเล็กน้อย พร้อมเสสายตาไปมองพี่ชายตัวโตครั้งหนึ่ง ก่อนจะพบกว่าซงมินโฮมองมายังเขาก่อนแล้ว


"นั่งข้างไอ้ฮุนไม่ดีหรอกครับจีโฮ มันมือปลาหมึก มานั่งกับพี่บ๊อบดีกว่า"


"แต่ว่า...ข้างพี่บ๊อบไม่มีที่แล้วนะครับ จะให้น้องไปนั่งตรงไหน" อูจีโฮมองไปยังโซฟาข้าง ๆ บ๊อบบี้ที่ตอนนี้มีพโยจีฮุนนั่งอยู่



"ไม่ได้บอกให้มานั่งข้างพี่ แต่บอกให้มานั่งตักพี่ต่างหาก" สิ้นเสียงบ๊อบบี้เอ่ยขึ้น ซงมินโฮก็หยิบเอาก้อนน้ำแข็งในถังปาใส่เพื่อนสนิททันที


"โอ้ย ไอ้เหี้ยมิ ปามาได้ หัวคนนะโว้ย"


"อ้าวคนหรอ กูนึกว่าเหี้ย โทษที.... อูจีโฮมานั่งตรงนี้ พวกมึงไม่ต้องมาเยอะ" ต่อปากต่อคำกับเพื่อนพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะเขยิบที่และเรียกให้เด็กตัวขาวมานั่งข้าง ๆ ตัวเอง


"หูยยยย น้องจีโฮครับ พี่จีฮุนอยากมีน้องจีโฮเป็นของตัวเองบ้าง ต้องทำยังไงครับ"


"ถ้าพวกมึงยังไม่หยุดแซ็วน้อง กูจะพาน้องกลับ"


"โห อะไรวะ เป็นพ่ออ่อมาหวงน้อง" อีซึงฮุนเอ่ยขึ้นพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดก


"กูไม่ได้อยากเป็นพ่อ"


"อูยยยยยยย อยากเป็นผ.." ซึงฮุนยังพูดไม่จบประโยคก็โดนซงมินโฮตบหัวดังผัวะ เรียกเสียงหัวเราะให้คนทั้งหมดอีกครั้ง


"พวกมึงนี่ยังไง น้องยังเด็ก อย่ามาพูดจาทะลึ่ง"


"น้องโตแล้วนะ~" อูจีโฮขัดขึ้นมาเสียงแว้ด เมื่อพี่ชายตัวโตยังคิดว่าเขายังเด็กอยู่


"อูย เนอะจีโฮเนอะ เนี่ยพี่ฮุนก็ว่าน้องจีโฮโตแล้วข๊าวขาว วัยกำลังน่ากินเลยเนอะ"


"ไอ้ซึงฮุน!" ซงมินโฮยกมือขึ้นชี้หน้าอีซึงฮุนทันทีที่สิ้นประโยคล่อแหลมนั้น


"...กิน วัยน้องทำไมครับพี่ฮุน น้องต้องกินอะไรหรอครับ" ซงมินโฮกำลังปวดขมับตุบ ๆ กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อยข้าง ๆ


"อยากรู้หรอ? เดี๋ยวสอน" สิ้นเสียงซงมินโฮ รอบโต๊ะก็โห่กันอีกรอบ ก่อนสภาวะการณ์จะเข้าสู่ปกติ





          ซงมินโฮ อีซึงฮุนและบ๊อบบี้ขึ้นไปคุยเรื่องงานกันด้านบนห้องชั้นลอย ส่วนอูจีโฮถูกพี่ชายตัวโตสั่งห้ามออกจากห้องวีวีไอพีไปไหนเด็ดขาด ถ้าไม่มีเขาไปด้วย




          ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ตอนนี้มีจีโฮนั่งอยู่คนเดียวในห้อง ก่อนที่ซงมินโฮจะเดินลงมาหา พร้อมเอ่ยชวนให้ขึ้นไปนั่งด้านบนชั้นลอยที่เขาคุยงานกับเพื่อนทั้งสองอยู่



"จีโฮครับ คนอื่นไปไหนกันหมดแล้ว หื้อ"


"ลงไปข้างล่างครับ"


"ขึ้นไปนั่งชั้นบนกับพี่มั้ย เบื่อหรือเปล่า"


"ไม่เป็นไรครับ พี่มินโฮคุยงานอยู่ น้องอยู่ได้ ไม่เบื่อครับเนี่ย น้องนั่งเล่นเกมอยู่"


"หึหึ ทำไมน่ารักแบบนี้ มานี่ซิ" อูจีโฮเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซงมินโฮพร้อมทำตาแป๋วหน้าตาฉงน


"ขอพี่จูบทีสิ"


"อะ...ห๊ะ...มะ...ไม่ ไม่ ไม่ได้ครับ จะมาจูบอะไรตรงนี้ ...เดี๋ยวคนอื่นก็มาเห็นหรอก" อยู่ ๆ หน้าของอูจีโฮก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วในวันนี้ เมื่อพี่ชายตัวโตเอ่ยปากขอจูบแบบดื้อ ๆ


"ไม่มีใครขึ้นมาหรอก นะครับ พี่มาขอกำลังใจแล้วจะขึ้นไปเคลียร์งานต่อ"


"ก..ก..ก็ได้ครับ"



          เมื่อได้รับอนุญาต ร่างหนาใช้มือช้อนคางเด็กน้อยขึ้นมา ก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากสีแดงเชอรี่อันยั่วยวนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะใช้มืออีกข้างประคองศรีษะเด็กตัวขาวเบา ๆ กดจูบลงไปซ้ำ ๆ อย่างไม่มีทีท่าจะลดละ ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปสำรวจ กระหวัดกวัดเกี่ยวชี้นำให้เด็กน้อยคล้อยตามอย่างว่าง่าย เขาผละออกมาจ้องมองใบหน้าเด็กตัวขาวที่มีสีแดงระเรื่อ ก่อนจะจูบซับที่ริมฝีปากอีกครั้ง


"พี่ไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าเบื่อก็ขึ้นไปข้างบนนะ"


"ค...ค...ครับ ถ้าน้อง...น้องเบื่อจะขึ้นไปกวนพี่มินโฮ"



          ซงมินโฮกลับขึ้นไปทำงานชั้นบนแล้ว เหลือเพียงอูจีโฮที่เดินกลับไปนั่งลงที่โซฟาอย่างหมดแรง เขาอธิบายความรู้สึกที่มีตอนนี้ไม่ถูก มันรู้สึกดีที่ซงมินโฮจูบเขา มันดีมากเสียด้วยซ้ำ เขารู้สึกใจหวิวและเต้นแรงไปพร้อม ๆ กัน พลางคิดว่าพี่ชายตัวโตนั้นจะรู้สึกแบบเดียวกันกับเขามั้ย ความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ กับใจที่มันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากหน้าอกข้างซ้าย






          เกือบ ๆ หนึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากซงมินโฮเดินลงมาหาเด็กตัวขาวที่ห้องวีวีไอพี ตอนนี้เพื่อน ๆ ของมินโฮกลับมาที่โต๊ะกันเกือบครบ บ๊อบบี้และอีซึงฮุนเดินหน้าเครียดลงมาจากชั้นลอย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งดื่มเหล้าเงียบ ๆ


"พี่ฮุน แล้วพี่มินโฮล่ะครับ" เด็กน้อยเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อไม่มีวี่แววว่าพี่ชายคนสนิทจะเดินลงมาจากห้องทำงานด้านบน


"เอ่อ....คือ...มัน...มีงานนิดหน่อยอ่ะ" ซึงฮุนตอบอย่างตะกุกตะกักอีกทั้งยังไม่ยอมมองหน้าเด็กตัวขาวแม้แต่น้อย รวมไปถึงบ๊อบบี้เองด้วย


"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมพี่ ๆ หน้าตาเครียดจัง"


"ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องห่วงนะครับเด็กดี หิวมั้ย? พี่บ๊อบสั่งข้าวให้มั้ยครับ?"


"ไม่เอาครับ น้องไม่หิว แล้วพี่มินโฮ..."


"มัน...เคลียร์ธุระอยู่" อีซึงฮุนตอบแบบขอไปที ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไป เด็กตัวขาวนึกแปลกใจปนเป็นห่วงพี่ชายตัวโตด้านบน ด้วยสีหน้าของทั้งอีซึงฮุนและบ๊อบบี้ ดูไม่ดีทั้งคู่ จีโฮเกรงว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นให้พี่มินโฮของเขาเครียดหรือเปล่า


"พี่บ๊อบบี้ครับ เดี๋ยวน้องขึ้นไปหาพี่มินโฮด้านบนนะครับ" อูจีโฮเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่ได้ฟังเสียงทัดทานของบ๊อบบี้แม้แต่น้อย


"เอ่อ...เฮ้ย จีโฮเดี๋ยว เดี๋ยว เชี้ยละ"





          เด็กตัวขาวเดินขึ้นมาถึงชั้นลอยที่ใช้คุยงานของเจ้าของคลับทั้งสาม เขาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ในเมื่อซงมินโฮอนุญาตแล้ว แน่นอนว่าเขามั่นใจว่าพี่ชายตัวโตต้องไม่โกรธที่เขาถือวิสาสะขึ้นมา



          แต่แล้วหัวใจของอูจีโฮก็ต้องหล่นวูบลงไปกองที่พื้น ทันทีที่บานประตูห้องชั้นลอยที่เขาเดินขึ้นมาหาพี่ตัวโตเปิดออก เขาก็เจอกับซงมินโฮที่ยืนจูบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่แค่มองจากด้านหลัง อูจีโฮก็จำได้ ผู้หญิงที่ซงมินโฮรักคนนั้น เจนนี่ คิม









#ซงซึน



วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

FOOL - ซงซึน 11





          หลังจากกลับจากเชจู อูจีโฮและซงมินโฮยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมในทุก ๆ วัน ถ้าหากจีโฮไม่ได้คิดไปเอง พี่มินโฮดูจะตามใจเขามากขึ้นและดุเขาน้อยลง นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดิีขึ้นหรือเปล่านะ




"ไม่ให้ไป" บรรยากาศในห้องนั่งเล่นของพี่ชายตัวโตในตอนนี้ดูจะอึดอัดไม่น้อย เมื่ออยู่ ๆ อูจีโฮก็มาบอกว่าจะไปออกค่ายกับมหาวิทยาลัย และปีหนึ่งทุกคนต้องไป


"แต่ว่า...ถ้าน้องไม่ไป น้องก็ตกกิจกรรมสิครับ"


"ตกก็ให้มันตกไปสิ แค่กิจกรรม มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับชีวิตนายขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง มันไกล"


"แต่....พี่มินโฮครับ น้องไม่อยากตกนี่ครับ" เด็กตัวขาวพยายามใช้ลูกอ้อนต่าง ๆ นา ๆ


"......."


"พี่มินโฮครับ มีอาจารย์ไปดูแลด้วยนะครับ ไม่ได้มีแต่นักศึกษา"


"อยากไปขนาดนั้นเลยหรอ?"


"ก็น้องไม่เคยไป น้องอยากลองไปดูครับ อีกอย่างเพื่อนน้องก็ไปกันหมดเลย" อูจีโฮทำตาแป๋วอ้อนวอน


"ไม่ให้ไป ไม่ต้องคุยเรื่องนี้อีก" ว่าจบร่างหนาก็เดินหายลับเข้าไปยังห้องนอนทันทีโดยไม่สนใจเด็กตัวขาวตรงหน้าอีก


"เอ้า ทำไมพี่มินโฮไม่มีเหตุผลขนาดนี้นะ" เด็กตัวขาวกระเง้ากระงอดบ่นกับตัวเอง ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง





          ซงมินโฮกำลังหงุดหงิดได้ที่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่างานเข้าค่ายครั้งนี้คนที่คิดจะจัดมันคือควอนฮยอก เขาแค่ไม่อยากให้เด็กนั่นอยู่ไกลหูไกลตาและเปิดโอกาสให้ควอนฮยอกได้ตีสนิท เขารู้จักกับควอนฮยอกดี ลูกชาย ผบ.ตร. เสเพลไปวัน ๆ อาศัยบารมีพ่ออวดอำนาจไปทั่ว หึ อูจีโฮหัวอ่อนจะตาย ไม่ทันคนแบบนี้หรอก




          เย็นวันนี้สองครอบครัวมีนัดทานข้าวกันที่บ้านตระกูลอู  เมื่อคุณพ่อคุณแม่ของจีโฮกลับมาเยี่ยมลูกชายอีกครั้ง หลังจากครั้งก่อนได้ไปเที่ยวที่เชจูด้วยกัน อูจีโฮถือโอกาสเอ่ยขออนุญาตพ่อกับแม่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องค่าย และท่านก็อนุญาต เด็กตัวขาวจึงนั่งยิ้มหน้าบานผิดกับพี่ชายตัวโตที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเดือดจนแทบปะทุ หลังอาหารค่ำจีโฮและมินโฮเดินทางกลับไปที่เพ้นท์เฮ้าส์ โดยระหว่างทางอูจีโฮสัมผัสได้ว่าคนข้าง ๆ ต้องโกรธและไม่พอใจเขามาก ๆ แน่




"พี่มินโฮโกรธน้องหรอครับ" เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง ร่างหนาไม่มีทีท่าจะเอ่ยปากพูดคุยอะไรกับจีโฮเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน


"สนใจกันด้วยหรอ?" เอ่ยตอบเด็กน้อยทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้ากดรหัสและเดินเข้าบ้านไป


"โถ่ สนสิครับ อย่าโกรธน้องเลยนะครับ"


"ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน อยากทำอะไรก็ทำ โตแล้วนี่ ฉันพูดอะไรก็ไม่มีความหมายแล้ว"


"พี่มินโฮอ่ะ ก็พี่ไม่มีเหตุผลให้น้องอ่ะ พี่ให้เหตุผลว่ามันไกล แต่มันแค่ปูซานเอง แค่สองคืนเองด้วยนะครับ" อูจีโฮเดินมาหยุดตรงหน้าพี่ชายตัวโตก่อนจะจับแขนเขาเขย่าเบา ๆ


"หึ เออ ฉันมันไม่มีเหตุผลไง ใครจะไปเหมือนไอ้ควอนฮยอกนั่น มันพูดอะไรก็เชื่อมันนี่เดี๋ยวนี้อ่ะ" มินโฮสะบัดแขนออกแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งไปที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น เด็กน้อยรีบตามมานั่งลงข้าง ๆ สีหน้าสลดลง


"พี่ฮยอกเขาเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะครับ?"


"เออ คำก็พี่ฮยอก สองคำก็พี่ฮยอก สนิทกับมันมากหรือไง เรียกแทนกันว่าพี่ว่าน้องงี้ดิ"


"ไม่ใช่นะครับ ก็เขาให้น้องเรียกเขาแบบนี้" ปฏิเสธพัลวันด้วยสีหน้าตื่นตกใจ พี่มินโฮโหมดดื้อไร้เหตุผลแบบนี้ ไม่ใช่คนที่เขาจะรับมือด้วยง่าย ๆ เลย


"อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมาสนใจฉัน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ชีวิตนายก็เชิญใช้ไปเถอะ" พูดจบร่างหนาก็หุนหันออกจากห้องไปทันที อูจีโฮได้แต่ถอนหายใจ นี่เขาทำอะไรผิดงั้นหรอ ทำไมพี่มินโฮจะต้องโกรธเขาขนาดนี้ แล้วเขาต้องทำยังไงต่อไป






          เช้าวันเสาร์มาถึง เป็นสุดสัปดาห์ที่อูจีโฮต้องเดินทางไปค่ายสานสัมพันธ์ที่ปูซาน เด็กน้อยเตรียมตัวแต่เช้าตรู่ แต่ก็ไม่วายเตรียมอาหารเช้าให้พี่ชายตัวโตเช่นเดิม แม้ว่าสองวันที่ผ่านมาหลังจากเรื่องราววันนั้น ซงมินโฮจะไม่คุยกับจีโฮเลยก็ตาม


น้องออกเดินทางโดยรถไฟตอน 07:45 น. 
พี่มินโฮทานข้าวด้วยนะครับ
ไว้ถึงแล้วน้องจะโทรหานะครับ





          เด็กตัวขาวจัดการแปะโน๊ตเล็ก ๆ ไว้บนโต๊ะอาหาร ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่ง เจ้าของห้องน่าจะยังไม่ตื่น สำรวจดูความเรียบร้อยภายในห้องครัวอีกทีก่อนจะออกจากห้องเดินทางไปสถานีรถไฟ


"จีโฮ จีโฮ จีโฮ ...ทางนี้ๆ" เป็นคังซึงยูนที่ยืนอยู่กับคิมฮันบิน โบกไม้โบกมือให้กับจีโฮ


"พวกนายมาถึงนานหรือยังอ่ะ"


"ไม่นานหรอก มาถึงเมื่อกี้เอง ไปลงชื่อกันเถอะ ตรงโต๊ะนู้นน่ะ" ฮันบินเอ่ยตอบเพื่อน แล้วชวนไปลงทะเบียนก่อนเดินทาง



          เมื่อทั้งสามลงทะเบียนเสร็จ ได้ป้ายชื่อและที่นั่งบนรถไฟเรียบร้อย ก็ตั้งแถวรอตามลำดับ เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ปีหนึ่งดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าทุกคน ด้วยความเด็กสุด ประสบการณ์น้อยสุด เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปตามภาษา


"นี่ ฉันน่ะ ลาออกจากคลับที่เล่นดนตรีประจำแล้วนะ" คังซึงยูนเอ่ยขึ้น


"อ้าว ทำไมล่ะ แล้วนายจะไปเล่นที่ไหน" จีโฮและฮันบินตกใจไม่น้อย อูจีโฮเป็นฝ่ายเอ่ยถามเพื่อนสนิท


"ก็กิจกรรมมหาลัยเยอะ งานมหาลัยก็เยอะ บางทีฉันต้องลาบ่อย ๆ เขาก็เคือง ๆ ฉันน่ะ ฉันไม่อยากเป็นภาระให้เขา เลยออกดีกว่า ไว้หาคลับที่ลาได้ง่าย ๆ มีนักดนตรีสำรองได้เมื่อไหร่ ค่อยกลับไปทำงานที่คลับ"


"ฮันบินช่วยอะไรไม่ได้เลย ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องคลับซะด้วยสิ" คิมฮันบินเอ่ยบอกเพื่อน


"แต่ฉันช่วยได้ เดี๋ยวฉันจะลองถามดูนะ ต้องได้แน่ ๆ" อูจีโฮตบบ่าเพื่อนเบา ๆ พร้อมเอ่ยปากช่วยอย่างมั่นใจ




          ทั้งสามคุยกันได้สักพัก รุ่นพี่และอาจารย์ที่ดูแลนักศึกษาแต่ละกลุ่มก็เรียกขึ้นรถ ทุกคนประจำที่นั่งเป็นที่เรียบร้อย มีเพียงที่ว่างข้าง ๆ อูจีโฮเท่านั้นที่ยังว่างอยู่ และไม่ต้องเดาว่าเป็นของใคร รุ่นพี่ที่ดูแลกลุ่มของอูจีโฮยังไงล่ะ


"เหนื่อยมั้ยครับ" ควอนฮยอกเดินมานั่งข้าง ๆ เด็กตัวขาว จัดการรัดเข็มขัดเรียบร้อย ก่อนหันหน้ามาส่งยิ้มให้จีโฮ


"ไม่เหนื่อยครับ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราจะเหนื่อยได้ยังไงครับ เนอะ" อูจีโฮตอบคำถามควอนฮยอกพร้อมหันไปพยักหน้ากับเพื่อน ๆ


"ฮ่าๆ ก็พี่กลัวว่าตื่นเช้าเราจะเหนื่อยนี่นา"


"ไม่หรอกครับพี่ฮยอก จีโฮน่ะ มันตื่นเช้าประจำอยู่แล้ว" ซึงยูนยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนที่นั่งตรงข้าม


"เดี๋ยวพอไปถึง พี่จะอธิบายเรื่องกฎระเบียบแล้วก็ที่พักให้นะ พี่เป็นคนดูแลกลุ่มพวกเราเอง ตอนนี้ก็จะนอนหลับก็ได้นะ ไว้ใกล้ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก"


"ครับ" เด็กทั้งสามขานรับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเป็นคังซึงยูนที่ผลอยหลับไปคนแรก ตามด้วยคิมฮันบิน แต่ไม่มีทีทางว่าอูจีโฮจะหลับตาพักผ่อนเลยสักนิด เขาตื่นเต้นกับสองข้างทางเป็นอย่างมาก แหงแหละ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางโดยรถไฟออกนอกเมือง



"ตื่นเต้นไปทุกเรื่องเลยนะไอ้เด็กน้อยเอ้ย" ควอนฮยอกที่สังเกตปฏิกิริยาอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปขยี้หัวกลม ๆ จนผมฟูฟ่อง


"งื้อ อย่าขยี้หัวสิครับ ผมเสียทรงหมดแล้ว ทำไมทุกคนชอบขยี้หัวผมจังเลย ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ" อูจีโฮหันมาแว้ดใส่รุ่นพี่ที่นั่งด้านข้าง


"ฮ่าๆ เวลาโกรธนี่เหมือนแมวเลย ขู่ฟ่อเชียว พี่จะบอกให้นะว่ามันไม่ได้น่ากลัว"


"หึ๊! ผมไม่ชอบที่ทุกคนชอบคิดว่าผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย" เด็กตัวขาวขมวดคิ้วมุ่น


"หึหึ พี่ไม่ได้คิดว่าเราเป็นเด็กซะหน่อย โตแล้วเนอะ"


"ใช่ น้องสูงมากเลยนะ ดูสิ เท่าพี่ฮยอกเลยด้วยเหอะ"


"โอเค ๆ ยอมแล้วครับ" อูจีโฮยิ้มแป้นเมื่อรุ่นพี่ยอมเขาง่าย ๆ ก็เขาไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทุกคนชอบคิดว่าเขาเป็นเด็กทุกที







          ใช้เวลาสักพักใหญ่ รถไฟก็เดินทางมาถึงปูซาน  มีรถบัสมารอรับพวกเขาอยู่ถึงสามคัน แต่ละกลุ่มขึ้นรถตามที่แบ่งไว้ ออกเดินทางไปยังที่พัก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ยอดฮิต อากาศเดือนกรกฎาคมร้อนระอุ เด็ก ๆ พากันบ่นระงมเรื่องความร้อนของอากาศ ไม่นานรถบัสเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทางมหาวิทยาลัยจึงให้พักในโรงแรม หลังจากที่ตอนแรกลงมติให้ตั้งแคมป์แต่ต้องยกเลิกไป



"เดี๋ยวก่อนนะ....โรงแรมนี้นี่มัน" อูจีโฮบ่นงึมงำออกมาคนเดียว เขานึกแปลกใจเล็กน้อย ก็โรงแรมที่เขาและเพื่อน ๆ นักศึกษาเข้ามาพักมันเป็นโรงแรมของตระกูลซงไงล่ะ แสดงว่าพี่มินโฮต้องรู้ว่าเขาจะมาพักที่นี่ แล้วทำไมตอนแรกถีึงไม่ยอมให้เขามากันล่ะ คิดได้ไม่นานก็ส่งข้อความบอกพี่ชายตัวโตทันทีว่าถึงที่พักเรียบร้อยแล้ว พร้อมตัดพ้อว่าพักที่โรงแรมพี่มินโฮทำไมไม่บอกเขา นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันร้องว้าวอย่างตกอกตกใจไม่น้อย ที่ได้เข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาวแบบนี้



     

          เมื่อจัดแจงเรื่องห้องพักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายเอาสัมภาระไปเก็บยังห้องตัวเอง ก่อนจะลงมารวมตัวยังห้องโถงใหญ่ อูจีโฮและเพื่อน ๆ ได้พักห้องเดียวกัน ซึงยูนอาสานอนเตียงเสริมเอง แต่ละคนเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยก็ลงมายังพื้นที่จัดกิจกรรม




          นักศึกษาทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำ อูจีโฮและเพื่อน ๆ ในกลุ่มเข้าสู่กิจกรรมสุดท้าย มันคือเกมเปเปโร่ โดยให้คนในกลุ่มแบ่งเป็นคู่ ๆ ก่อนจะทำการแข่งขันกัน อูจีโฮโดนเพื่อนทั้งสองแกล้งโดยการจับคู่กันเอง ทำให้จีโฮกลายเป็นคนไม่มีคู่


"จีโฮไม่มีคู่ครับ รุ่นพี่เล่นด้วยคนนึงได้มั้ยครับ" เป็นคังซึงยูนตัวดีอีกนั่นแหละเอ่ยขึ้นมาแถมยังหันหน้าไปหาควอนฮยอกที่ยืนอยู่ที่ซุ้ม


"เอ่อ...ผมไม่เล่นก็ได้ครับ ไม่เป็นไร"


"ไม่ได้สิจีโฮ เล่นมาหมดแล้ว ไม่เล่นอันสุดท้ายก็แปลก ๆ พี่ฮยอกครับ เป็นคู่ให้จีโฮหน่อยได้มั้ยครับ" ควอนฮยอกชี้นิ้วเข้าไปที่ตัวเองหลังจากซึงยูนเอ่ยขึ้น ก่อนเขาจะยิ้มเล็กน้อยพร้อมเดินออกมาตรงหน้าอูจีโฮ


"ได้ครับ เดี๋ยวพี่เล่นเป็นเพื่อน" สิ้นประโยคของควอนฮยอก ก็มีเสียงกรี๊ดเกรียวกราวกันเกิดขึ้น ทำเอาเด็กตัวขาวทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว



          กฎกติกาของเกมเปเปโร่คือ คาบขนมป๊อกกี้คนละฝั่ง ก่อนจะงับเข้ามาทีละนิด ใครเหลือขนมสั้นที่สุดคือผู้ชนะ เมื่อเสียงนกหวีดเป่าปรี๊ดเริ่มต้นที่คู่แรก ต่อด้วยคู่ที่สอง สาม สี่ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคู่ของจีโฮและควอนฮยอกเป็นลำดับสุดท้าย เขาเริ่มงับป๊อกกี้ไปทีละนิด ๆ โดยไม่สบตากับรุ่นพี่ตรงหน้าเลยสักนิด ต่างกันกับฮยอก ที่สายตาจดจ้องไปยังใบหน้าที่ตอนนี้ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากทั้งคู่จะแตะกันอยู่แล้ว อูจีโฮจึงผละออก แก้มแดงขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย สร้างความเสียดายให้คนที่ลุ้นอยู่บริเวณรอบ ๆ




          เมื่อเสร็จกิจกรรมสุดท้ายและรับประทานอาหารค่ำเรียบร้อย รุ่นพี่และอาจารย์ทั้งหลายจึงปล่อยให้เด็ก ๆ ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ทุกคนที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและทำกิจกรรมร่วมกันทั้งวันแล้วจึงพากันขึ้นห้องพัก บรรยากาศยามค่ำคืนที่โรงแรมเงียบสงบ


ติ้ง~


เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือของอูจีโฮดังขึ้นทำลายความเงียบ ตอนนี้เขาอยู่ห้องคนเดียว เมื่อเพื่อนทั้งสองขอตัวออกไปเดินเล่นรอบ ๆ ยังไม่กลับมา


ออกมาหาที่สระว่ายน้ำหน่อย





อูจีโฮต้องขยี้ตาอีกครั้ง ซงมินโฮส่งข้อความมาบอกให้เขาออกไปหา นี่พี่มินโฮมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือพี่ชายตัวโตจะหายโกรธเขาแล้วนะ เตรียมตัวเดินออกจากห้องก็พอดิบพอดีกับเพื่อนทั้งสองกลับมา ก่อนจะบอกกล่าวเพื่อน ๆ ว่าขอออกไปเดินสูดอากาศแป๊ปนึง ซึงยูนย้ำว่าอย่าไปนาน เพราะมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า จีโฮรับปากเพื่อนสนิทก่อนจะผละออกไป




          ที่ริมสระว่ายน้ำใหญ่ที่โรงแรม ช่วงเวลาเกือบ ๆ 5 ทุ่ม ไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงร่างหนาที่ยืนดูดบุหรี่อยู่ อูจีโฮค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ เมื่อมินโฮเห็นเด็กน้อยเดินมาถึงแล้ว เขาจึงหยุดดูดบุหรี่ก่อนจะดับมันลงในที่เขี่ยบุุหรี่ 



"พี่มินโฮ มาอยู่นี่ได้ไงครับ" 


"ขับรถมา" 


"น้องไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย" 


"มาใกล้ๆ นี่ซิ" 


เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับซงมินโฮอย่างสงสัยเล็กน้อย


"เมื่อเย็นเล่นเกมอะไร?" 


"ครับ? เกมอะไรคืออะไรครับ" อูจีโฮทำหน้างงเล็กน้อย อยู่ ๆ พี่ตัวโตก็ถามอะไรไม่รู้ เขาเล่นเกมในกิจกรรมตั้งหลายเกม แล้วซงมินโฮจะหมายถึงเกมตัวไหนกันล่ะ


"ก็ไอ้เกมที่จูบกับไอ้ควอนฮยอกนั่นไง!" เด็กตัวขาวตาโตตกใจ ซงมินโฮเห็นงั้นหรอ แต่เขาไม่ได้จูบกันซักหน่อย ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่เขาด้วย


"น้องเปล่านะ น้องไม่ได้จูบกับพี่ฮยอกซะหน่อย ปากไม่แตะกันเลยจะเรียกว่าจูบได้ยังไง" 


"แล้วทำไมต้องไปเล่นเกมบ้าบอแบบนั้นห๊ะ?!" เขาหัวเสียไม่น้อย เมื่อเย็นที่เขาเพิ่งจะมาถึงแล้วเดินผ่านห้องโถงที่ใช้จัดกิจกรรมของนักศึกษาม.โซล แล้วได้ยินเสียงเกรียวกราวจึงมองลงไปยังห้องนั้นปรากฎภาพเด็กตัวขาวที่กำลังเล่นเกมเปเปโร่กับควอนฮยอกอยู่ 


"ทำไมพี่มินโฮต้องอารมณ์เสียใส่น้องด้วยล่ะครับ ยังไม่หายโกรธเรื่องที่น้องขอมาค่ายนี้อีกหรอ" 


"อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง" 


"พี่มินโฮ.... ถ้าจูบกันมันต้องสัมผัสกันสิ แต่นี่ปากน้องอยู่ห่างตั้งเยอะ เนี่ยน้องจะทำให้ดู ปากน้องอยู่ห่างแบบนี้..." เด็กน้อยที่พยายามจะอธิบายให้พี่ชายตัวโตรับฟัง พลางจัดท่าทางให้รู้ว่าปากเขาไม่ได้สัมผัสกับควอนฮยอกจริง ๆ โดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ริมฝีปากเขาห่างจากซงมินโฮไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร


"ไม่โดนจริงด้วย แบบนั้นไม่เรียกว่าจูบสินะ จูบมันต้องแบบนี้" 


ไม่ว่าเปล่า ร่างหนาบดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากของเด็กตัวขาวที่ยั่วยวนเขาอยู่ตรงหน้า มือแกร่งรวบเอวบางกระชับเข้ามาหาตัว เขาไม่ได้รุกล้ำเด็กน้อย เพียงสัมผัสแผ่วเผาที่ริมฝีปากเท่านั้น แค่นี้ก็ทำให้อูจีโฮร่างอ่อนยวบ ตกใจไม่น้อย นี่มันจูบแรกของเขานะ 


"พะ...พี่ พี่มินโฮ ทะ ทะ ทำไม ทำไมทำแบบนี้ครับ นี่มันจูบแรกของน้องนะ!" 


"ไม่ใช่ซะหน่อย ถ้านายเรียกไอ้การแตะปากกันว่าจูบ แสดงว่าเราจูบกันตั้งแต่ในลิฟต์ตอนนั้นแล้วต่างหาก" 


"พี่มินโฮ!!" 


"หรือถ้านายเรียกไอ้ที่ปากแตะกันในลิฟต์ว่าอุบัติเหตุ งั้นจูบแรกของนายก็ตอนที่นายหลับหน้าห้องแล้วฉันต้องอุ้มนายเข้ามานอนที่ห้องฉัน" 


อูจีโฮตาโตกว่าเดิม เขาตกใจไม่น้อย นี่พี่มินโฮจูบเขาตอนเขาหลับงั้นหรอ


"แต่จะบอกให้นะเด็กน้อย ว่าไอ้การที่ปากแตะกันเฉย ๆ น่ะ เขาไม่เรียกกันว่าจูบหรอก จูบจริง ๆ มันต้องแบบนี้" 


ร่างหนาไม่รอให้เด็กน้อยในอ้อมกอดผละหนี เขาบดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากอวบอิ่มของเด็กน้อยอีกครั้ง มือหนารั้งคอขาวให้เข้ามาแนบชิด ก่อนจะใช้ลิ้นสอดเข้าไปชิมจูบรสหวานของเด็กไม่ประสีประสา เนิ่นนานเอาแต่ใจจนเด็กตรงหน้าทุบอกประท้วงเมื่อขาดอากาศหายใจ


"นี่ต่างหากจูบแรกของเรา" ซงมินโฮเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉย ในขณะที่เด็กตัวขาวในอ้อมกอดตอนนี้หน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ ก้มหน้างุดก่อนจะเอ่ยออกมาเบา ๆ


"พี่มินโฮ พะ พี่มินโฮแกล้งน้องอีกแล้ว" 


"ไม่ได้แกล้ง นี่เอาจริง" 


"พี่ พี่บอกไม่ได้คิดอะไรกับน้อง ละ ละ แล้ว แล้วมาจูบน้องทำไม" 


"ซื่อบี้อ คนไม่คิดอะไรจะมาจูบแบบนี้ได้ยังไง คิดบ้าง" 


"หมะ...มะ หมาย ความ ว่า ยะ ยังไง ครับ"  ร่างหนาอมยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูเด็กตัวขาวตรงหน้าเบา ๆ


"คืนนี้นอนห้องฉันสิ เดี๋ยวอธิบายให้ฟัง" 


"บ้า!! พี่มินโฮทะลึ่งที่สุด น้องไม่คุยด้วยแล้ว น้องจะกลับห้อง" เด็กน้อยฟาดฝ่ามือไปที่แขนแกร่งหนึ่งทีก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของร่างหนา พลางวิ่งหนีขึ้นห้องนอนทันที 


ซงมินโฮหัวเราะขำให้กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงดังประมาณหนึ่ง


"นายมันก็ได้แค่ใกล้นะควอนฮยอก อย่ามายุ่งกับอูจีโฮ" ควอนฮยอกเดินออกมาจากมุมหนึ่งเผชิญหน้ากับซงมินโฮ


"หึ คุณนี่เหมือนเด็กอยากเอาชนะเลยนะ ผมไม่ได้สนใจจะแข่งอะไรกับคุณ ผมสนใจที่ความรู้สึกของจีโฮมากกว่า อย่าทำให้จีโฮเสียใจ เพราะถ้าเมื่อไหร่เขาต้องร้องไห้เพราะคุณ ผมนี่แหละจะเป็นคนไม่ปล่อยจีโฮไปหาคุณอีกเด็ดขาด​"



"จีโฮคือคนของฉัน นายไม่ต้องอยากมาดูแล ฉันดูแลเองได้ คนอย่างนายมีแต่จะทำให้จีโฮเสียใจ"



"เก็บไว้บอกตัวเองเถอะครับ คำนั้นน่ะ" ควอนฮยอกไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้าน สบตากับซงมินโฮอย่างดุเดือด ก่อนจะผละเดินกลับห้อง ยังไม่วายหันมาเอ่ยส่งท้ายให้กับซงมินโฮที่ยืนนิ่งอยู่



"เพราะผมอยากให้คุณรู้ไว้ ว่าสำหรับอูจีโฮ ผมเอาจริง" 












#ซงซึน









วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

FOOL - ซงซึน 8

          อูจีโฮเดินเข้ามาในตึกคณะที่เขาเรียนอย่างไม่มั่นใจนัก เขาเหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งท่าทางเก้กังไม่ต่างจากเขา มองซ้ายมองขวาและก้มลงมองกระดาษใบหนึ่งในมือ เขาไม่รอช้าเดินตรงไปหาทันที



"หวัดดี....คือ ฉัน...มาใหม่ ชื่อ อูจีโฮนะ แล้วนายปีหนึ่งเหมือนกันใช่มั้ย" จีโฮเอ่ยแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่เขาเดินไปทัก



"....เอ่อ หวัดดี ใช่ๆ ฉันปีหนึ่งเหมือนกัน ชื่อ ฮันบิน คิมฮันบิน ยินดีที่ได้รู้จักนะ" คนแปลกหน้าแนะนำตัวกับจีโฮบ้าง เขาส่งยิ้มให้ คิมฮันบิน หน้าตาน่ารักทีเดียวแหละ แต่ติดจะดูซื่อ ๆ ไปสักนิดในความคิดของอูจีโฮ



"งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ" เด็กตัวขาวว่าพลางส่งยิ้มยื่นมือไปให้กับเพื่อนใหม่



"ได้สิ ฉันกลัวอยู่เลยว่าจะไม่มีเพื่อน" ฮันบินยื่นมือมาจับพร้อมส่งยิ้มให้จีโฮเช่นกัน



"งั้นเราไปกันเถอะ ฉันว่าต้องไปทางนี้นะ เพราะเมื่อกี้อ่านป้ายตรงทางเข้ามาว่ามาทางนี้"




          ฮันบินพยักหน้าออกเดินไปพร้อม ๆ กับจีโฮ ไม่นานพวกเขาทั้งสองก็มาถึงห้องที่ใช้รวมตัวปีหนึ่ง มองซ้ายมองขวาอยู่สักพัก ในห้องคนยังมากันไม่มากนัก ทั้งคู่เดินไปบริเวณตรงกลางข้างหน้าต่างเพื่อจะหาที่นั่ง




"หวัดดี ตรงนี้มีคนนั่งมั้ย ฉันสองคนขอนั่งด้วยได้ป่ะ" จีโฮเดินไปหาคนหนึ่งที่นั่งเสียบหูฟังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่าง เขาเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าให้จีโฮเล็กน้อยก่อนที่จะฟุบลงไปอีกครั้ง จีโฮและฮันบินนั่งลงเงียบ ๆ เพื่อไม่เป็นการรบกวน สองคนคุยกันเบา ๆ แลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันสักพัก อาจารย์ก็เดินเข้ามาทักทายนักศึกษาในห้อง




         เด็กที่ฟุบหลับอยู่ด้านข้างของจีโฮเงยหน้าขึ้นมาเมื่ออาจารย์เข้ามา จีโฮและฮันบินหันไปมองหน้าแล้วก็ส่งยิ้มให้ เขาหน้าคล้าย ๆ อูจีโฮเลยแหละ ฮันบินยังยืนยันอย่างนั้น



"คังซึงยูน ฉันมาจากปูซาน เพิ่งเดินทางมาถึงเลยเพลีย ๆ" เขาแนะนำตัวกับคนทั้งคู่พร้อมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร



"นายหน้าคล้าย ๆ จีโฮเลยอ่ะ" ฮันบินว่าขึ้นพร้อมมองหน้าซึงยูนสลับกับจีโฮ



"นั่นดิ ฉันก็ว่างั้นอ่ะ" สิ้นคำของซึงยูน ทั้งสามก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนอาจารย์ปาร์คหน้าห้องต้องกระแอมไอเสียงดังและเอ่ยถามว่าตรงนั้นมีอะไรกัน ทำเอาทั้งสามเขินเล็กน้อย





          วันแรก ๆ ไม่มีอะไรมากมายอย่างที่พี่ตัวโตบอกอูจีโฮเอาไว้ไม่มีผิด เขาเพียงแค่แนะนำตัวกับเพื่อนร่วมคลาสเรียน และตอนบ่ายปีหนึ่งจะรวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อเจอกับรุ่นพี่ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อความสามัคคี กว่าอาจารย์จะปล่อยตัวพวกเขามาทานข้าวเวลาก็ล่วงไปกว่า 20 นาที อูจีโฮหน้ามุ่ยไม่น้อยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความทันที



"ฮั่นแน่!!! ที่ทำหน้าหงิกตลอดนี่คืออยากคุยกับแฟนใช่มั้ยล่ะ" คังซึงยูนกระแซะจีโฮ เมื่อเห็นว่าอาจารย์ปาร์คเดินออกพ้นประตูห้องแล้วนั้น อูจีโฮก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาแชททันที



"ไม่ใช่ซะหน่อย ไม่ใช่แฟน" จีโฮปฏิเสธพลางหันหน้าหนีไปคุยทางอื่น ไม่วายหน้าของเขาก็ยังเห่อร้อน แก้มแดงลามไปถึงหู



"คนที่จีบ ๆ กันอยู่อย่างงี้หรอ?" ฮันบินส่งยิ้มให้พร้อมคำถาม



"ไม่ใช่...เอ่อ... ฉัน...รักเขาข้างเดียวต่างหาก" จีโฮมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ พลางให้เพื่อนทั้งสองไม่ซักไซร้อีกต่อไป





          ทั้งสามคนเดินลงมาหาอะไรทานที่โรงอาหารคณะที่อยู่ไม่ไกลจากตึกที่เขาอยู่เมื่อสักครู่ มองหาที่นั่งอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีที่ว่างเลยสักที่ อยู่ ๆ ก็มีเสียงคนเรียกชื่อจีโฮด้านหลัง



"อู จี โฮ มานั่งกับฉันก็ได้ มาสิ"






        หลังจากส่งเด็กดื้อที่มหาวิทยาลัย มินโฮก็ขับรถตรงเข้าสู่บริษัททันที วันนี้วันจันทร์ แน่นอนว่าเขาต้องมีงานที่รอสะสางอีกมากมาย และเป็นไปตามคาดเมื่อเข้ามาถึงงานก็รุมเร้าตัวเขาจนแทบไม่ได้ลุกไปไหนจนกระทั่งเที่ยงวัน



12:00 น. 

เขาเหลือบมองดูนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือ พร้อมกับเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือข้าง ๆ อีกครั้ง


12:10 น. 

ยังคงนั่งมองโทรศัพท์มือถือสลับกับทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไปอีก ไม่มีวี่แววว่าซงมินโฮจะลุกออกไปทานอาหารกลางวันแต่อย่างใด


12:20 น.

ติ๊ง


เสียงข้อความทำให้ซงมินโฮหันมาสนใจโทรศัพท์อีกครั้ง


พี่มินโฮทานข้าวหรือยังครับ 

น้องเพิ่งเสร็จกิจกรรมเมื่อกี้ เพิ่งได้หยิบมือถือขึ้นมาเลยเนี่ย

หิวมากเลย อาจารย์ปล่อยช้ามากเลยครับ 


ก็ไปหาอะไรกินซะสิ 

มัวแต่แชทมันจะได้กินมั้ย
งื้อออ พี่มินโฮทานหรือยังครับ

ยัง กำลังจะไปกิน

โอเค น้องไปทานข้าวก่อนนะครับ





          หลังจากหาอะไรทานเสร็จ เขาเดินกลับมาทำงานอีกครั้งก็พบว่า มีคนมานั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้วในโซนรับแขกห้องทำงาน 



"ว่าไงอีซึงฮุน คิมบ๊อบบี้ ลมอะไรหอบพวกมึงมา" เอ่ยทักเพื่อนสนิทอย่างเป็นกันเอง เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปทักทาย



"ไงมึง ช่วงนี้หายเลยนะ คลับเคลิบไม่เข้า โอนหุ้นให้กูมั้ยครับเพื่อน" อีซึงฮุนเอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรก



"เออ โอนหุ้นมึงมาให้กูกับไอ้ฮุนคนละครึ่งเถอะ ถ้ามึงจะหายไปขนาดนี้" บ๊อบบี้เป็นฝ่ายเสริมขึ้นมาบ้าง



"ก็ช่วงนี้กูงานยุ่ง มึงไม่เห็นหรอ กองอยู่บนโต๊ะนั่นน่ะ" ซงมินโฮว่าพลางพยักเพยิดให้เพื่อนทั้งสองมองไปยังโต๊ะทำงานของเขาที่มีกองเอกสารกองอยู่มากมาย



"หรออออออออออออออออออ" อีซึงฮุนลากเสียงยาวกวนอีกฝ่าย



"ติดงานหรือติดเด็ก เอาดี ๆ" บ๊อบบี้เอ่ยขึ้นมาบ้าง



ซงมินโฮไม่ว่าอะไรต่อ ทำเพียงส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานแล้วนั่งลง พร้อมกับหยิบแฟ้มหนึ่งมาเปิดเพื่อจะทำงานต่อ



"จีโฮเป็นไงบ้าง ตั้งแต่วันนั้นทั้งมึงทั้งน้อง แม่งหายหัวหมดเลย" ซึงฮุนตัดพ้อ



"วันนี้เปิดเทอมวันแรก กูเพิ่งไปส่งมาเมื่อเช้า งอแงใหญ่" ซงมินโฮเอ่ยตอบทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้าทำงานอยู่



"แน่ะ มีไปส่ง" บ๊อบบี้หันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับอีซึงฮุนที่นั่งอยู่ข้าง 



"ไม่ได้คิดอะไรกับน้อง แต่ดูแลยิ่งกว่าเมียอีกเนอะ" เป็นคราวซึงฮุนกระแซะบ้าง



"พวกมึงนี่ไม่ต้องชง มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับจีโฮ ที่กูต้องดูแลเขาเพราะพ่อเขาขอมา กูขัดไม่ได้ ไหนจะพ่อกูอีก มึงก็รู้"



"เออออออออออออออออออ พวกกูไม่ชงแล้วก็ได้ เดี๋ยวกูจีบจีโฮเอง" อีซึงฮุนหันมายักคิ้วให้กับมินโฮอย่างกวนอารมณ์




          กว่าสองชั่วโมงมาแล้วที่เพื่อนสนิททั้งสองแวะมากวนโมโหซงมินโฮที่บริษัท และไม่มีวี่แววว่าจะกลับกันไปง่าย ๆ พักสายตาได้สักพัก คุยกับเพื่อนเขาได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ปรากฎชื่อเด็กดื้อที่เขาไปส่งมาเมื่อเช้านี้


"ว่าไง"


"อืม กี่โมง" 


"ห้ามเกินสองทุ่ม เดี๋ยวฉันไปรับ"




          กดวางโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตายียวนของเพื่อนสนิทที่นั่งมองยิ้มกริ่ม แต่เขาเองก็ทำเป็นไม่ได้สนใจ นั่งทำงานต่อไปจนกระทั่งเพื่อนทั้งสองขอตัวกลับเข้าไปที่คลับ เมื่อเวลาล่วงมาถึงห้าโมงเย็นแล้ว





          แม้จะนั่งทำงานต่อหลังจากเลิกงานไปแล้ว แต่ซงมินโฮเองกลับไม่มีสมาธิเสียเท่าไหร่เมื่อเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาหกโมงเกือบ ๆ จะหนึ่งทุ่ม เขาลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากบริษัทเก็บกระเป๋าสตางค์พร้อมหยิบกุญแจรถ ในหัวตอนนี้คิดแต่เรื่องเด็กตัวขาวนั่น เมื่อบ่ายโทรศัพท์มาบอกกับเขาว่าตอนเย็นรุ่นพี่จะเลี้ยงต้อนรับรุ่นน้อง และบอกว่าจะกลับดึกนิดหน่อย เด็กที่กังวลกลัวไม่มีเพื่อนเมื่อเช้านั่นหายไปหมดแล้วสินะ



ตื้ด ตื้ด 

ตื้ด ตื้ด 


          กดโทรศัพท์ออกไปหาเด็กตัวขาวแต่ไม่มีวี่แววว่าเด็กนั่นจะรับ แน่นอนว่านั่นทำให้ซงมินโฮหงุดหงิดได้ไม่น้อย แต่ก็เพียงไม่นาน โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นปรากฎเบอร์ของอูจีโฮโทรเข้ามา



"....."


"ฮัลโหล พี่มินโฮครับ ได้ยินน้องมั้ยครับ" 


"ทำไมไม่รับโทรศัพท์"


"เมื่อกี้น้องเดินจะออกมารับแต่พี่มินโฮวางไปก่อน" 


"ร้านอยู่ตรงไหน ฉันกำลังจะออกไปรับ"


"เอ่อร้าน XXX อยู่ที่ฮงแดครับ คือ..พี่มินโฮ. น้อง... อยู่ต่อได้มั้ยครับ"  น้ำเสียงเอ่ยผ่านโทรศัพท์่มาตะกุกตะกักเล็กน้อย


"ทำไม" ร่างหนาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจ


"คือ ทุกคนยังไม่มีใครกลับเลยครับ น้อง..." "จีโฮเข้าไปข้างในได้แล้วครับเพื่อน ๆ รอเราคนเดียวเลยน๊ะ"  


          อูจีโฮยังไม่ทันได้เอ่ยเหตุผลของเขาให้กับร่างหนาฟัง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อน มันดังพอที่ซงมินโฮจะได้ยิน 


"ใคร"


"คือ...คุณควอนฮยอก ... เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย" 


ตื้ด ตื้ด ตื้ด ตื้ด 




          สิ้นเสียงอูจีโฮตอบกลับไป โทรศัพท์ก็ถูกวางสายใส่ทันที ร่างบางตกใจไม่น้อย พี่มินโฮต้องโกรธเขาแน่ ๆ แต่เขาเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เมื่ออีกฝั่งหนึ่งก็เป็นรุ่นพี่ พยายามที่จะกดโทรศัพท์โทรออกหาซงมินโฮอีกครั้ง แต่กลับถูกขัดจังหวะโดยควอนฮยอก



"จีโฮครับ เข้าไปข้างในกันเถอะป่ะ อย่าทำให้คนอื่นรอเราคนเดียวสิ มันไม่ดีนะ"


"เอ่อ คือคุณ เอ้ย รุ่นพี่ ...คือ ผม" อูจีโฮลังเลนิดหน่อย


"เรียกว่าพี่ฮยอก" ควอนฮยอกเอ่ยขึ้นพร้อมส่งยิ้มให้เด็กตัวขาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยน


"คือ มันไม่ดีมั้งครับ คือ"


"จีโฮ รุ่นพี่สั่งอะไรก็ทำ ไม่งั้นพี่จะลงโทษเรานะ" ควอนฮยอกยักคิ้วส่งสายตาเจ้าเล่ห์มายังเขา


"ครับพี่ฮยอก"


"ทีนี้เข้าข้างในได้แล้ว เรากังวลอะไรหรือเปล่า? กลัวกลับดึกคุณพ่อคุณแม่จะว่าเอาหรอ?" ควอนฮยอกส่งยิ้มอย่างอบอุ่นสอบถามความกังวลใจของเด็กตัวขาวตรงหน้า


"คือ ... เปล่าครับ" จีโฮก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาไม่ได้กังวลเรื่องคุณป๊าคุณม๊าสักหน่อย เขากังวลเรื่องพี่ชายตัวโตคนนั้นต่างหาก ที่อยู่ ๆ ก็วางโทรศัพท์ใส่เขาดื้อ ๆ


"งั้น....เข้าไปกันเถอะ" ควอนฮยอกพยักเพยิดให้เป็นเชิงให้อูจีโฮเดินนำเข้าไปก่อนด้านใน ส่วนเขาก็เดินตามหลังเข้ามาติด ๆ

       




          หลังจากเดินเข้ามา จีโฮเองกระวนกระวายใจไม่น้อย เขากังวลใจสีหน้าอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สายตาเหลือบมองที่โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา จนไม่เป็นอันทำอะไร เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาเองก็ไม่ทราบได้ เขาไม่ได้ฟังแม้แต่น้อยว่าคนอื่น ๆ พูดคุยอะไรกันบ้าง



"นายกังวลเรื่องอะไรหรือเปล่าจีโฮ" เป็นฮันบินที่เอ่ยถามขึ้นมาก่อนเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเพื่อน


"นั่นสิ ฉันเห็นตั้งแต่นายกลับเข้ามา นายขมวดคิ้วตลอดเลย" ซึงยูนเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติ


"คือ.... ฉันไม่รู้จะทำยังไงอ่ะ ฮือออออ" อยู่ ๆ จีโฮก็งอแงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ พลางขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม


"มีอะไรนายเล่าให้พวกฉันฟังได้นะ" ฮันบินเองก็รู้สึกเป็นห่วงจีโฮไม่น้อย เมื่อเพื่อนตัวขาวเขาดูจะเครียดหนัก


"คือพี่มินโฮ..."


"อูจีโฮ กลับบ้าน" เด็กตัวขาวตกใจไม่น้อย เขาเองยังพูดไม่ทันจบประโยค อยู่ ๆ ประตูห้องที่เหล่านักศึกษาปีหนึ่งและรุ่นพี่ทานอาหารกันอยู่นั้นถูกเปิดขึ้น พร้อมปรากฎร่างสูงเอ่ยเรียกชื่อเด็กน้อย ในตอนนี้สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องบุคคลที่มาใหม่สลับกับหันมามองหน้าอูจีโฮ





          จีโฮที่กำลังทำท่าจะลุกขึ้นแต่อยู่ ๆ ควอนฮยอกบอกให้จีโฮนั่งลง และเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินไปเผชิญหน้ากับคนหน้าประตูแทน



"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ควอนฮยอกเองไม่ได้มีสีหน้าตกใจอะไรกับการปรากฎตัวของซงมินโฮ


"ฉันมารับคนของฉันกลับบ้าน" มินโฮเองก็มีสีหน้าเรียบเฉย


"ทุกคนที่อยู่ที่นี่บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านก่อนสี่ทุ่มซักหน่อย"


"แต่ไม่ใช่กับอูจีโฮ"​ มินโฮจ้องมองไปยังอูจีโฮที่ตอนนี้มองมาที่พวกเขาทั้งสอง เขาเดินชนไหล่ควอนฮยอกผ่านไปดึงข้อมือเด็กตัวขาวที่นั่งอยู่ริมสุดขึ้นมาพลางจะเดินออกจากห้อง แต่อยู่ ๆ มืออีกข้างของจีโฮกลับถูกควอนฮยอกจับเอาไว้ พร้อมกับดึงเข้าหาตัว


"จีโฮยังไม่อยากกลับ คุณไม่มีสิทธิ์มาลากใครในนี้กลับทั้งนั้น"


"รู้ได้ยังไงว่าจีโฮไม่อยากกลับ? เขาบอกคุณหรอ?" มินโฮเอ่ยถามเสียงเรียบนิ่งพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย สีหน้ายียวนคนตรงหน้าไม่น้อยทีเดียว


"เอ่อ...พี่ฮยอกครับ ปล่อยผมก่อนครับ คือ... ผมกลับบ้านก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า" จีโฮว่าก่อนจะใช้สายตาเป็นเชิงอ้อนวอนรุ่นพี่ของเขาให้ปล่อยเขาไปก่อน


"โอเคครับ เดี๋ยวพี่ไปหยิบกระเป๋าให้" ควอนฮยอกเองยอมปล่อยมือง่าย ๆ เมื่อเห็นสายตาของจีโฮส่งมาให้เขา เดินไปหยิบเอากระเป๋าสะพายที่วางอยู่ที่เก้าอี้มาให้เด็กตัวขาว พร้อมส่งยิ้มให้เช่นเคย


"ขอบคุณครับ" จีโฮโค้งให้กับควอนฮยอกเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปตามแรงกระชากของคนตัวโต






          ระหว่างทางกลับบ้านช่างเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดเสียเหลือเกิน ไม่ว่าเด็กตัวขาวจะชวนซงมินโฮพูดคุยอะไรมากมายแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากร่างหนา จนอูจีโฮเองก็ถอดใจ พี่มินโฮคงจะโกรธเขาสินะ แล้วเขาทำอะไรผิดงั้นหรอ?  ทั้งคนที่ทำหน้าที่ขับรถและผู้โดยสารต่างนั่งนิ่งไปเอ่ยอะไรออกมาอีกเป็นเวลากว่ายี่สิบนาที จนกระทั่งรถมาจอดที่ลานจอดรถ เด็กตัวขาวปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเปิดประตูรถลงมาและเดินไปยังลิฟต์เพื่อที่จะขึ้นห้องทันที โดยไม่ได้สนใจพี่ตัวโตด้านข้าง





          เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก จีโฮเองก็ยังไม่สนใจพี่ตัวโตที่เดินตามมาติด ๆ เขาเดินตรงไปยังห้องตัวเองทันที นั่นทำให้ซงมินโฮหงุดหงิดไม่น้อย รีบเดินตามมาคว้าเข้าที่ข้อมือซ้ายของอูจีโฮ กระชากให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา



"ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปใกล้มัน ทำไมไม่ฟัง!!" ซงมินโฮตะคอกเสียงดังลั่น และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เด็กตัวขาวตัวสั่นเทาพร้อมบ่อน้ำตาแตก


"น้อง...ไม่ได้อยากใกล้เขานี่ครับ น้องทำอะไรผิด เขาเป็นรุ่นพี่ .ฮึก.... พี่มินโฮจะให้น้องทำยังไง น้องควรจะทำยังไงหรอครับ..ฮึก... พี่มินโฮบอกน้องสิ จะให้น้องทำยังไง น้องไม่รู้" สิ้นคำอูจีโฮก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ชันเข่าขึ้นมาก้มหน้าลงร้องไห้โฮ






          เมื่อเห็นร่างบางนั่งตัวสั่นเทาร้องไห้โฮ เขาเองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก มองซ้ายมองขวา เก้ ๆ กัง ๆ เขาไม่เคยเห็นจีโฮร้องไห้ขนาดนี้มานาน นอกจากตอนเด็ก ๆ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ปลอบเด็กตัวขาวคนนี้มานานมากแล้ว สิบกว่าปีได้แล้วมั้ง แล้วเขาควรจะเริ่มจากตรงไหน





          ซงมินโฮทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ พร้อมเอื้อมมือไปโอบไหล่เด็กน้อยขี้แยให้เอนมาซบลงที่ไหล่ของเขา มืออีกข้างยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้มขาวฟู เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งอยู่แบบนั้น ฟังเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเงียบลง มองมาอีกที เด็กน้อยในอ้อมแขนเขาก็หลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่





          ร่างหนาจัดการอุ้มเด็กขี้แยเข้ามายังห้องนอนของเขา จัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้เป็นที่เรียบร้อย เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้หลับลึกแค่ไหน ต่อให้เอาช้างมาฉุดลากถ้าไม่ใช่เวลาตื่นรับรองได้เลยว่าอูจีโฮไม่มีทางขยับแน่นอน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กนี่ เขาจัดการปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดจนถึงเม็ดสุดท้าย เขาถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างบางที่เปลือยท่อนบนอยู่เอาไว้ เขารู้ว่าเด็กดื้อตรงหน้าเป็นคนผิวขาวแค่ไหน แต่เขาเพิ่งรู้วันนี้ว่าเด็กนี้แทบจะเรืองแสงทีเดียว





          ค้นหาเสื้อผ้าในตู้อยู่สักพัก ซงมินโฮก็ได้เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวมาหนึ่งชุดที่คิดว่าอูจีโฮน่าจะส่วมใส่ได้พอดี เขาพยายามส่วมใส่เสื้อให้เด็กน้อยอย่างทุกลักทุเล ก่อนที่จะปลดกางเกงและสวมใส่ตัวใหม่ให้ก็ใช้เวลาไปพอสมควร จริง ๆ อากาศกลางเดือนมีนาคมไม่ใช่ว่ามันจะร้อนอบอ้าว ติดจะเย็นสบายค่อนไปทางหนาวเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ตัวเขาเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก ให้ตายสิ แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้อูจีโฮทำให้เขาเสียเหงื่อขนาดนี้เชียวหรือ





          เมื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กตัวขาวเสร็จ ร่างหนายังคงนั่งมองหน้าเด็กน้อยบนเตียงอยู่แบบนั้น ดวงตากลมปิดสนิทมีร่องรอยช้ำจากการผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก จมูกรั้นนั่นยังคงมีสีแดงระเรื่อจาง ๆ เขาจับข้อมือซ้ายของเด็กตัวขาวขึ้นมาก็พบรอยแดงจากการบีบของเขา ควานหายาทาแก้ฟกช้ำที่ลิ้นชักหัวเตียงขึ้นมาทาและนวดเบา ๆ เด็กนี่เจ็บตัวอีกแล้ว วางแขนของจีโฮลงเบา ๆ ข้างตัว ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ พลางลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้า





          เขานึกขอโทษอูจีโฮอยู่ในใจ ที่ทำให้วันที่เด็กตัวขาวอยากจดจำ อยากให้มันพิเศษ กลายเป็นต้องมาร้องไห้เพราะเขา ก่อนที่จะก้มลงจูบไปที่หน้าผากเบา ๆ ...เขาเลื่อนสายตาลงมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพู ก่อนที่จะบรรจงจูบลงไปแผ่วเบา ไม่มีการรุกล้ำหรือล่วงเกินใด ๆ ไปมากกว่าริมฝีปากแตะกันเพียงเท่านั้น เนิ่นนานจนพอใจจึงผละออกมาจากร่างบาง เดินออกจากห้องไป













#ซงซึน





ตาย ๆ ๆ ๆ ๆ ซงมินโฮ!!!! แกจะมาขโมยจูบน้องแบบนี้ไม่ได้นะ 
พี่มินโฮเขาก็จะกาก ๆ นิดนึง ยอมรับว่าต่อหน้าไม่กล้า วอนอย่าด่าพี่เขาเยอะ
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ขอบคุณค่าาาา



วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

FOOL ซงซึน - 3




          เช้าวันอังคารที่อากาศค่อนข้างย่ำแย่ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ความหนาวเย็นและหิมะยังปกคลุมกรุงโซลอย่างหนาแน่น และด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ ทำให้อูจีโฮกำลังหงุดหงิด อาการภูมิแพ้ของเขากำลังกำเริบหนัก คัดจมูกหายใจไม่ออกฟุดฟิดมีน้ำมูกอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขามั่นใจว่าจมูกของเขาแดงไม่แพ้กับคุณพี่แมคโดนัลด์แน่นอน





          และที่ทำให้คุณหนูตัวขาวหงุดหงิดยิ่งกว่าอาการภูมิแพ้ก็คือการที่ไม่มีอะไรทำ เขามาอยู่เกาหลีได้สองสัปดาห์กว่า ๆ แล้ว และตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมากิจวัตรประจำวันก็มีเพียงแค่ทำอาหารเช้าให้คนตัวโตข้างห้อง การส่งข้อความไปย้ำให้ทานข้าวกลางวันให้ตรงเวลา และการทำอาหารเย็นรอซงมินโฮกลับมาทานพร้อมกัน หากวันไหนคนพี่ทำงานจนดึกดื่น เด็กดื้อก็จะอยู่รอ บ่อยครั้งไปที่จีโฮเผลอหลับก่อนที่คนพี่จะกลับมาถึงบ้าน เป็นอย่างนี้มาตลอด




"ฮัลโหล....คุณป๊า น้องคิดถึงคุณป๊า"



"มีอะไรจะมาอ้อนคุณป๊า พูดมาเลยดีกว่าครับ น้องไม่ต้องอ้อมค้อม หึหึ" ปลายสายโทรศัพท์ตอบกลับมาทำเอาเด็กน้อยยู่ปากหน้างอเมื่อผู้เป็นพ่อจับได้เสียแล้ว



"โถ่ คุณป๊า น้องคิดถึงคุณป๊าจริง ๆ น๊า คุณม๊าด้วย"



"แล้วน้องอยู่ที่นู้นเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่มั้ย" 



"งืมมม ก็สบายดีครับ แต่อากาศตอนนี้ไม่ดีเลย น้องหายใจไม่ค่อยออก"



"อ้าว ถึงว่าเสียงน้องอู้อี้เชียว พ่อสั่งให้คนพาไปหาหมอดีมั้ย"



"งื้อออออ ไม่เอาครับ น้องทานยาตลอด เดี๋ยวก็หาย ไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาครับ"



"ไปตรวจไปเช็คดูหน่อยมั้ยครับ คุณป๊าเป็นห่วง นี่ถ้าคุณม๊ารู้นี่บ่นคุณป๊าหูชาแน่ ๆ"



"ไม่เอาครับ น้องมีเรื่องจะขอคุณป๊า"



"หืม อะไรเอ่ย"



"น้องอยากไปฝึกงานกับพี่มินโฮ"



"ห๊ะ!!ว่ะ..ว่าไงนะลูก" 



"ก็น้องอยู่บ้านเฉย ๆ น้องเบื่อ อีกอย่าง กว่ามหาลัยจะเปิดอีกตั้งเดือนเลยนะครับ น้องอยากลองทำงานดู นะครับคุณป๊า น๊าาาา น้องอยากทำ"



"จีโฮ... จะให้คุณป๊าทำยังไงล่ะลูก หื้ม"



"คุณป๊าก็บอกให้คุณลุงมินฮยอกให้น้องเข้าไปทำงานที่บริษัทสิครับ"



"น้องจีโฮลูก งั้นน้องไม่ไปขอคุณลุงเขาเองล่ะครับ น้องไปเกาหลีเกือบสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ไปเยี่ยมคุณลุงเลยหรือไงหื้ม"



"อ้ะ!! จริงด้วย น้องลืมไปเลย น้องไปขอเองดีกว่า ถ้าน้องไปขอคุณลุงต้องให้น้องแน่ ๆ แค่นี้นะครับคุณป๊า รักคุณป๊าคุณม๊ามาก ๆ นะครับ สวัสดีครับ"





          เร็วเท่าความคิด ตอนนี้อูจีโฮเข้ามานั่งยังห้องรับแขกของบ้านตระกูลซงเป็นที่เรียบร้อย ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก เขาเข้าออกบ้านหลังใหญ่นี้บ่อยเสียยิ่งกว่าบ้านตัวเองซะอีก



"จีโฮลูก มาได้ยังไงเนี่ย หื้ม"



          เสียงทุ้มต่ำฟังดูน่าเกรงขามแต่กลับปนไปด้วยความเอ็นดูดังขึ้น อูจีโฮเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้า คุณลุงซงมินฮยอกของเขานั่นเอง



"สวัสดีครับคุณลุง! โอ้โห คุณลุงดูไม่แก่เลยครับ ดูหนุ่มขึ้นกว่าเดิมเสียอีก"



"ฮะฮะฮ่าฮ่า ปากหวานเหมือนเดิมเลยนะเด็กคนนี้"



"คุณลุงสบายดีมั้ยครับ"



"อ่า ก็เรื่อย ๆ นะลูก ตามประสาคนแก่แล้วก็งี้ แล้วจีโฮเป็นยังไงบ้าง ไอ้ลูกชายลุงมันไม่ได้ทำให้เราลำบากใช่มั้ย"



"เอ๊ะ...คุณลุงทราบหรอครับว่าน้อง.."



"ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อเราเขารายงานลุงตั้งแต่วันแรก ๆ แล้วจีโฮเอ้ย"



"โถ่ คุณป๊าอีกแล้ว" เด็กตัวขาวยู่ปากหน้างออีกครั้งเมื่อทราบว่าคุณป๊าของเขาจัดแจงทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี แถมยังฝากฝังเขากับคุณลุงมินฮยอกโดยไม่บอกเขาสักคำ



"น้องขอโทษครับที่ไม่ได้มาหาคุณลุงเร็วกว่านี้" เด็กน้อยเอ่ยขึ้น



"โอ้ย ไม่เป็นไรหรอกลูก เราก็มีธุระปะปังอะไรต้องทำเยอะแยะไม่ใช่หรอเรื่องมหาลัยน่ะ"



"ครับ ตอนนี้ก็เสร็จหมดแล้ว น้องเลยว่าง ว่างจนเบื่อเลยครับ"



"อืม มินโฮไม่พาเราไปไหนบ้างเลยหรอ"



"คือพี่มินโฮเขางานเยอะครับ น้องไม่อยากรบกวน แต่อยากช่วยมากกว่า"



"หืม ช่วย?"



"ครับ คือพี่มินโฮงานเยอะมาก คือ น้องอยากช่วยงานพี่เขาครับ แต่ว่า คือ ..."



"งั้นเราลองไปดูงานกับมินโฮดูก่อนมั้ย"



"ได้หรอครับคุณลุง!"



"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ เดี๋ยวลุงคุยเอง แล้วจีโฮพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะลูก"



"พรุ่งนี้เลยครับคุณลุง!!!"






          เช้าวันถัดมาตามปกติ อูจีโฮ มักจะทำอาหารพร้อมแปะโพสอิทไว้บนโต๊ะทานข้าวในห้องของพี่ชายตัวโต แต่มาเช้าวันนี้เด็กตัวขาวกลับนั่งรออยู่ร่วมโต๊ะมื้อเช้าด้วย ซงมินโฮคิ้วขมวดเข้าหากันพร้อมกับพรูลมหายใจออกอย่างหนักหน่วง



"ไม่ได้" เขาเอ่ยขึ้น พร้อมเลื่อนเก้าอื้นั่งลงตรงหน้าเด็กตัวขาว โดยไม่ได้สนใจว่าตอนนี้คุณหนูอูจีโฮกำลังทำหน้ามุ่ยขนาดไหน ก่อนที่มินโฮจะตักข้าวคำแรกเข้าปาก ก็ต้องหยุดชะงัก



"ได้ คุณลุงอนุญาตแล้ว"



"งั้นนายก็ไปทำงานให้พ่อฉันสิ พ่อฉันอนุญาต ไม่ใช่ฉัน" คนตัวโตเอ่ยขึ้นก่อนทานอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



"งื้อออออ พี่มินโฮอ่ะ"



"...."



"พี่มินโฮครับ ให้น้องไปทำงานด้วยนะ น้องอยู่บ้านน้องเบื่อง่ะ"



"จีโฮ ทำงานมันไม่ได้สนุกนะ"



"หงึ ไม่รู้ล่ะ น้องจะไป พี่มินโฮห้ามน้องก็จะไปคอยดูสิ"



"ทำไมดื้อแบบนี้"



"เป็นเด็กดีหรือเด็กดื้อพี่มินโฮก็ไม่รักน้องอยู่ดี" ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้แล้ว เด็กตัวขาวก็เดินปึงปังออกจากห้องของมินโฮทันที ทิ้งไว้เพียงร่างหนาที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำไมพ่อเขาต้องไปตามใจเด็กนั่นให้เสียนิสัยขนาดนั้นนะ แค่พ่อแม่จีโฮตามใจลูกไม่พอ นี่พ่วงพ่อของเขาไปอีกคน ตามใจกันจนเสียคนไปแล้ว



ติ้งหน่อง ~ 


ติ้งหน่อง~


ติ้งหน่อง~


ก๊อก ๆ ๆ 




"จีโฮ เปิดประตู"



ก๊อก ๆ ๆ



"จีโฮ! ฉันบอกให้เปิดประตู"



"....." จีโฮเปิดประตูห้องตัวเองออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้า ทั้งจมูก ตา แก้ม ปาก ซึ่งดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้งอแงมาอย่างแน่นอน



"ไหนบอกโตแล้ว"



"....."



"คนโตแล้วเขาไม่ร้องไห้เรื่องแค่โดนขัดใจหรอกนะ"



"น้องไม่ได้ร้องเพราะโดนขัดใจ แต่น้องร้องเพราะพี่มินโฮไม่รักน้องต่างหาก"



"...."



"จะไปทำงานแล้วหรอครับ เดินทางดี ๆ ขอให้เป็นวันที่ดีครับ" ว่าจบเด็กตัวขาวก็ทำท่าจะปิดประตู แต่มินโฮเอามือมาขวางไว้ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น



"ไปแต่งตัว"



"แต่งทำไมครับ อยู่บ้านเฉย ๆ"



"จีโฮ อย่ามาประชด ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ"






#ซงซึน














วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

FOOL ซงซึน - 1



18:12 น.



"เฮ้อ..."



          ซงมินโฮในฐานะเจ้าของห้อง ถอนหายใจออกมาเสียงดังเมื่อมองไปยังเด็กตัวขาวที่ถือวิสาสะนอนเล่นที่ห้องเขามาตั้งแต่ช่วงบ่าย หลังทั้งคู่ทานอาหารพร้อมกันเสร็จ ก็ไม่มีวี่แววว่าเด็กคนนี้จะไปไหนทั้งนั้น แถมยังทำตัวติดกับเขาไปทุกที่ พอเขาลุก เด็กนั่นก็ลุก พอเขาเดินออกไปดูดบุหรี่ที่ระเบียง เด็กนั่นก็จะตามไปนั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาต้องหยุดสูบเดินกลับเข้าห้องมาอย่างหัวเสีย



"เมื่อไหร่จะกลับ"



"กลับไหนง่ะ น้องบอกแล้วไงว่าจะอยู่กับพี่มินโฮ"



"ใครอนุญาต"



"น้องอนุญาตตัวเอง"



"มีที่ไหนอนุญาตตัวเองมาอยู่บ้านคนอื่น"



"คนอื่นที่ไหน นี่พี่มินโฮของน้อง"



"แก่แดดแก่ลมขึ้นนับวันนะ"



"น้องโตแล้วนะ เนี่ยดูสิ น้องสูงจะเท่าพี่มินโฮแล้ว"



"สูงให้เท่าก่อนแล้วค่อยมาคุยเหอะ"





          เวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ไม่รู้ ซงมินโฮเหลือบดูนาฬิกาอีกทีก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน บ้าจริง! นี่มันดึกขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย เด็กนี่ไม่มีทีท่าที่จะไปไหนเลย หรือจะมาอยู่นี่จริง ๆ .....ไม่มีทาง!



"จีโฮ นี่มันเที่ยงคืนละนะ"



"อ้ะ จริงด้วย เร็วจัง"



"กลับได้แล้ว พักที่ไหนเดี๋ยวไปส่ง"



"พักที่นี่"



"จีโฮ" ร่างหนากดเสียงลงต่ำเพื่อบ่งบอกเด็กเอาแต่ใจว่าไม่ได้พูดเล่น



"อะไรเล่า ทำไมต้องทำเสียงดุ น้องก็บอกว่าพักที่นี่ พักที่นี่"



"...."



"ห้องข้าง ๆ นี่ไงเนี่ย ห้องพี่มินโฮ 331 ห้องน้องก็ 332 นี่ไง"



"ล้อเล่นป่ะเนี่ย"



"น้องไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึกของตัวเอง"



"...."





          อูจีโฮ กลับห้องตัวเองมาแล้ว แต่เขากลับนอนไม่หลับ นึกถึงวันเก่า ๆ ระหว่างเขากับคนข้างห้อง ตั้งแต่รู้จักกันเมื่อ 15 ปีก่อน พี่มินโฮยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีของเขาเสมอมา และเขาก็เป็นน้องชายที่น่ารักของมินโฮ ใช่แล้วล่ะ แค่น้องชาย






          ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน เหตุการณ์ที่ทำให้พี่มินโฮของเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากพี่ชายที่แสนอบอุ่นกลับกลายเป็นเย็นชา พี่ชายที่ขี้เล่น กลับกลายเป็นคนจริงจังกับชีวิต ต้นเหตุมันก็มาจากผู้หญิงคนเดียวคนนั้น คนที่พี่มินโฮร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายตอนที่เธอบอกเลิก กินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นปี ๆ จนอูจีโฮทนไม่ไหว เขาเป็นคนเข้ามาดูแลมินโฮ แม้อีกฝ่ายนั้นจะไม่ต้องการก็ตาม จนกระทั่งจีโฮเผยความในใจออกไป และซงมินโฮก็ได้ปฏิเสธความรู้สึกนั้น พร้อมให้เหตุผลว่า "นายยังเด็ก ยังไม่เข้าใจความรักหรอก อีกอย่าง ฉันเห็นนายเป็นแค่น้องชาย"






          หลังจากวันนั้น จีโฮตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อไฮสคูลที่อเมริกาพร้อมครอบครัวย้ายไปลงหลักปักฐานที่นั่น โดยไม่ได้ติดต่อกับซงมินโฮอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ เขาตัดสินใจกลับมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เกาหลี เพราะเขาแน่ใจแล้วว่า ต่อให้หนีไปไกลแค่ไหน เขาก็หนีความรู้สึกตัวเองไปไม่ได้




08:30 น.

"น้องเตรียมมือเช้าไว้ให้ ทานด้วยนะครับ 
วันนี้ต้องไปมหาลัยแต่เช้า
จโย♡"



          ซงมินโฮแค่นหัวเราะให้กับโพสอิทใบเล็กสีสวยที่แปะอยู่บนโต๊ะที่มีอาหารเช้าเรียงรายอยู่ อูจีโฮนะอูจีโฮ เอาแต่ใจยังไงก็ยังเหมือนเดิม ปฏิเสธให้ตายยังไงเด็กนั่นก็คงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ



12:00 น.


ติ้ง~


"เที่ยงแล้วนะ พี่มินโฮทานข้าวหรือยังครับ"


"น้องทำธุระที่มหาลัยเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ"


"พี่ยุ่งหรอครับ แต่นี่มันเที่ยงนะ"



"กำลังจะไปกิน หยุดรัวแชทมาได้แล้ว"


"เย็นนี้อยากทานอะไรครับ น้องจะทำไว้รอ"


"ไม่ต้องทำ เย็นนี้กลับดึก มีธุระ"


"โหย น้องก็ต้องกินข้าวคนเดียวสิ เหงาจัง"






          หงุดหงิด พูดได้เลยว่าตอนนี้คุณหนูอูจีโฮกำลังหงุดหงิด ทั้งอากาศข้างนอกแปรปรวนทำให้ภูมิแพ้กำเริบแล้ว ซงมินโฮยังปฏิเสธที่จะทานมื้อเย็นกับเขาอีก นี่จะทำงานอะไรกันขนาดนั้น ผู้ใหญ่นี่เข้าใจยากจริง ๆ เขาได้แต่บ่นในใจ 





          งานของซงมินโฮในเวลาเกือบ ๆ หกโมงเย็นนั้น เรียกได้ว่ากองเป็นภูเขา ไหนจะเอกสารที่จะต้องเซ็นต์อนุมัติโครงการต่าง ๆ ไหนจะเรื่องยอดขายอื่น ๆ ของบริษัทในเครือน้อยใหญ่ เขากลายมาเป็นหัวเรือใหญ่หลังจากที่พ่อของเขาประกาศวางมือและให้ลูกชายขี้นมาบริหารงานอย่างเต็มตัว เขาไม่สามารถปลีกตัวออกไปไหนได้เลย แม้กระทั่งคลับที่เขาเป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนอีกสองคน เขาเองไม่ได้เข้าไปที่นั่นมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว 



ครืน ครืน ~



"ว่าไงไอ้บ๊อบ มีไร"



"วันนี้ไม่มาอ่อวะ จัดว่าเด็ด" 



"เออ ไม่อ่ะ ไม่มีอารมณ์"



"โหไรวะ หายไปนานขนาดนี้ นี่กุจะคิดว่ามึงซุกเมียไว้ที่บ้านละนะ"



"กูงานเยอะช่วงนี้"



"แหม คลับนี่ก็ของมึงส่วนนึงป่าว ไม่ต้องเข้ามาดูหรอวะ"



"มึงเหงาหรอ?" 



"เหงามาก คิดถึงผัวมิโนมาก ถุยยยย" 



"ไร้สาระ กูทำงานละ"




22:30 น. ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด .....



          ซงมินโฮแทบไม่ได้กระดิกตัวทำอะไรเลยตั้งแต่วางสายจากบ๊อบบี้ กว่าจะเคลียร์งานเสร็จแล้วกลับบ้านได้ เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาเขาก็พบกับเด็กตัวขาวเจ้าประจำคนเดิม นอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาโดยมีแผ่นแปะลดไข้แปะไว้บนหน้าผาก พร้อมผ้าห่มคลุมถึงคอ 



"จีโฮ ตื่น จีโฮ"



"...."



"จีโฮมานอนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่กลับไปนอนห้อง"



"...."



"ไม่สบายก็ไม่รู้จักดูแลตัวเองห๊ะ"



"งือ พี่มินโฮกลับมาแล้วหรอ"



"ไม่กลับจะเห็นมั้ย"



"ทานข้าวหรือยังครับ น้องทำซุปกิมจิกับหมูย่างไว้ให้ เหนื่อยมั้ยครับ"



"ห่วงตัวเองเหอะ กินยาหรือยัง"



"ทานแล้วครับ ก็เลยง่วง ตอนแรกน้องว่าจะนั่งรอพี่มินโฮ แต่พอนั่งไปสักพักก็ง่วง ก็เลยว่าจะนอนรอ แต่สักพักก็หนาว น้องเลยไปเอาผ้าห่มในห้องมาห่ม แล้วก็หลับตอนไหนก็ไม่รู้ง่ะ"



          ซงมินโฮนึกขำในใจ เด็กอะไรจะเจื้อยแจ้วได้ขนาดนี้ นี่ถามออกไปแค่คำเดียวนะ ตอบมายาวเหยียดเชียว 



"งั้นน้องกลับห้องก่อนนะครับ พี่มินโฮอย่าลืมทานข้าวนะ" 



          ร่างบางส่งยิ้มหวานให้มินโฮ พร้อมกับบอกหลับฝันดี ห้ามดื่มเบียร์และอื่น ๆ อีกมากมายที่อูจีโฮคอยกำชับเขา สั่งยิ่งกว่าแม่เสียอีก ให้ตายสิเด็กคนนี้







          ผ่านมาร่วมสัปดาห์แล้วที่ร่่างหนามีคุณหนูเอาแต่ใจเข้ามาในชีวิตประจำวัน ในตอนเช้าอูจีโฮจะทำอาหารพร้อมแปะโพสอิทบอกว่าวันนี้ตัวเองจะทำอะไรบ้างเอาไว้ ส่วนตอนเย็น อูจีโฮก็จะทำอาหารเตรียมเอาไว้ พร้อมกับนอนรอเขากลับจากที่ทำงานทุกวัน เขาไม่ได้ใจร้ายกับเด็กนั่น แต่เขาก็ไม่ได้ใจดีหรือตามใจทุกเรื่อง ซงมินโฮรู้ดีว่าอูจีโฮรู้สึกยังไงกับเขา และยังคงรู้สึกแบบนั้นอยู่ เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจน้อง แต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้งเพื่อหวังว่าสักวันน้องจะตัดใจจากเขาได้ เพราะในตอนนี้นั้น...หัวใจของเขาเข็ดกับความรักและปิดตายไปจากมัน







#ซงซึน



ชอบกดไลค์ ใช่กดคอมเม้นท์ให้กำลังใจเค้าด้วยน๊ะ
ยินดีรับคำติชมทุกคนค่ะ ขอบคุณที่ติดตาม