วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

FOOL - ซงซึน 11





          หลังจากกลับจากเชจู อูจีโฮและซงมินโฮยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมในทุก ๆ วัน ถ้าหากจีโฮไม่ได้คิดไปเอง พี่มินโฮดูจะตามใจเขามากขึ้นและดุเขาน้อยลง นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดิีขึ้นหรือเปล่านะ




"ไม่ให้ไป" บรรยากาศในห้องนั่งเล่นของพี่ชายตัวโตในตอนนี้ดูจะอึดอัดไม่น้อย เมื่ออยู่ ๆ อูจีโฮก็มาบอกว่าจะไปออกค่ายกับมหาวิทยาลัย และปีหนึ่งทุกคนต้องไป


"แต่ว่า...ถ้าน้องไม่ไป น้องก็ตกกิจกรรมสิครับ"


"ตกก็ให้มันตกไปสิ แค่กิจกรรม มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับชีวิตนายขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง มันไกล"


"แต่....พี่มินโฮครับ น้องไม่อยากตกนี่ครับ" เด็กตัวขาวพยายามใช้ลูกอ้อนต่าง ๆ นา ๆ


"......."


"พี่มินโฮครับ มีอาจารย์ไปดูแลด้วยนะครับ ไม่ได้มีแต่นักศึกษา"


"อยากไปขนาดนั้นเลยหรอ?"


"ก็น้องไม่เคยไป น้องอยากลองไปดูครับ อีกอย่างเพื่อนน้องก็ไปกันหมดเลย" อูจีโฮทำตาแป๋วอ้อนวอน


"ไม่ให้ไป ไม่ต้องคุยเรื่องนี้อีก" ว่าจบร่างหนาก็เดินหายลับเข้าไปยังห้องนอนทันทีโดยไม่สนใจเด็กตัวขาวตรงหน้าอีก


"เอ้า ทำไมพี่มินโฮไม่มีเหตุผลขนาดนี้นะ" เด็กตัวขาวกระเง้ากระงอดบ่นกับตัวเอง ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง





          ซงมินโฮกำลังหงุดหงิดได้ที่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่างานเข้าค่ายครั้งนี้คนที่คิดจะจัดมันคือควอนฮยอก เขาแค่ไม่อยากให้เด็กนั่นอยู่ไกลหูไกลตาและเปิดโอกาสให้ควอนฮยอกได้ตีสนิท เขารู้จักกับควอนฮยอกดี ลูกชาย ผบ.ตร. เสเพลไปวัน ๆ อาศัยบารมีพ่ออวดอำนาจไปทั่ว หึ อูจีโฮหัวอ่อนจะตาย ไม่ทันคนแบบนี้หรอก




          เย็นวันนี้สองครอบครัวมีนัดทานข้าวกันที่บ้านตระกูลอู  เมื่อคุณพ่อคุณแม่ของจีโฮกลับมาเยี่ยมลูกชายอีกครั้ง หลังจากครั้งก่อนได้ไปเที่ยวที่เชจูด้วยกัน อูจีโฮถือโอกาสเอ่ยขออนุญาตพ่อกับแม่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องค่าย และท่านก็อนุญาต เด็กตัวขาวจึงนั่งยิ้มหน้าบานผิดกับพี่ชายตัวโตที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเดือดจนแทบปะทุ หลังอาหารค่ำจีโฮและมินโฮเดินทางกลับไปที่เพ้นท์เฮ้าส์ โดยระหว่างทางอูจีโฮสัมผัสได้ว่าคนข้าง ๆ ต้องโกรธและไม่พอใจเขามาก ๆ แน่




"พี่มินโฮโกรธน้องหรอครับ" เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง ร่างหนาไม่มีทีท่าจะเอ่ยปากพูดคุยอะไรกับจีโฮเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน


"สนใจกันด้วยหรอ?" เอ่ยตอบเด็กน้อยทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้ากดรหัสและเดินเข้าบ้านไป


"โถ่ สนสิครับ อย่าโกรธน้องเลยนะครับ"


"ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน อยากทำอะไรก็ทำ โตแล้วนี่ ฉันพูดอะไรก็ไม่มีความหมายแล้ว"


"พี่มินโฮอ่ะ ก็พี่ไม่มีเหตุผลให้น้องอ่ะ พี่ให้เหตุผลว่ามันไกล แต่มันแค่ปูซานเอง แค่สองคืนเองด้วยนะครับ" อูจีโฮเดินมาหยุดตรงหน้าพี่ชายตัวโตก่อนจะจับแขนเขาเขย่าเบา ๆ


"หึ เออ ฉันมันไม่มีเหตุผลไง ใครจะไปเหมือนไอ้ควอนฮยอกนั่น มันพูดอะไรก็เชื่อมันนี่เดี๋ยวนี้อ่ะ" มินโฮสะบัดแขนออกแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งไปที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น เด็กน้อยรีบตามมานั่งลงข้าง ๆ สีหน้าสลดลง


"พี่ฮยอกเขาเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะครับ?"


"เออ คำก็พี่ฮยอก สองคำก็พี่ฮยอก สนิทกับมันมากหรือไง เรียกแทนกันว่าพี่ว่าน้องงี้ดิ"


"ไม่ใช่นะครับ ก็เขาให้น้องเรียกเขาแบบนี้" ปฏิเสธพัลวันด้วยสีหน้าตื่นตกใจ พี่มินโฮโหมดดื้อไร้เหตุผลแบบนี้ ไม่ใช่คนที่เขาจะรับมือด้วยง่าย ๆ เลย


"อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมาสนใจฉัน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ชีวิตนายก็เชิญใช้ไปเถอะ" พูดจบร่างหนาก็หุนหันออกจากห้องไปทันที อูจีโฮได้แต่ถอนหายใจ นี่เขาทำอะไรผิดงั้นหรอ ทำไมพี่มินโฮจะต้องโกรธเขาขนาดนี้ แล้วเขาต้องทำยังไงต่อไป






          เช้าวันเสาร์มาถึง เป็นสุดสัปดาห์ที่อูจีโฮต้องเดินทางไปค่ายสานสัมพันธ์ที่ปูซาน เด็กน้อยเตรียมตัวแต่เช้าตรู่ แต่ก็ไม่วายเตรียมอาหารเช้าให้พี่ชายตัวโตเช่นเดิม แม้ว่าสองวันที่ผ่านมาหลังจากเรื่องราววันนั้น ซงมินโฮจะไม่คุยกับจีโฮเลยก็ตาม


น้องออกเดินทางโดยรถไฟตอน 07:45 น. 
พี่มินโฮทานข้าวด้วยนะครับ
ไว้ถึงแล้วน้องจะโทรหานะครับ





          เด็กตัวขาวจัดการแปะโน๊ตเล็ก ๆ ไว้บนโต๊ะอาหาร ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่ง เจ้าของห้องน่าจะยังไม่ตื่น สำรวจดูความเรียบร้อยภายในห้องครัวอีกทีก่อนจะออกจากห้องเดินทางไปสถานีรถไฟ


"จีโฮ จีโฮ จีโฮ ...ทางนี้ๆ" เป็นคังซึงยูนที่ยืนอยู่กับคิมฮันบิน โบกไม้โบกมือให้กับจีโฮ


"พวกนายมาถึงนานหรือยังอ่ะ"


"ไม่นานหรอก มาถึงเมื่อกี้เอง ไปลงชื่อกันเถอะ ตรงโต๊ะนู้นน่ะ" ฮันบินเอ่ยตอบเพื่อน แล้วชวนไปลงทะเบียนก่อนเดินทาง



          เมื่อทั้งสามลงทะเบียนเสร็จ ได้ป้ายชื่อและที่นั่งบนรถไฟเรียบร้อย ก็ตั้งแถวรอตามลำดับ เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ปีหนึ่งดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าทุกคน ด้วยความเด็กสุด ประสบการณ์น้อยสุด เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปตามภาษา


"นี่ ฉันน่ะ ลาออกจากคลับที่เล่นดนตรีประจำแล้วนะ" คังซึงยูนเอ่ยขึ้น


"อ้าว ทำไมล่ะ แล้วนายจะไปเล่นที่ไหน" จีโฮและฮันบินตกใจไม่น้อย อูจีโฮเป็นฝ่ายเอ่ยถามเพื่อนสนิท


"ก็กิจกรรมมหาลัยเยอะ งานมหาลัยก็เยอะ บางทีฉันต้องลาบ่อย ๆ เขาก็เคือง ๆ ฉันน่ะ ฉันไม่อยากเป็นภาระให้เขา เลยออกดีกว่า ไว้หาคลับที่ลาได้ง่าย ๆ มีนักดนตรีสำรองได้เมื่อไหร่ ค่อยกลับไปทำงานที่คลับ"


"ฮันบินช่วยอะไรไม่ได้เลย ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องคลับซะด้วยสิ" คิมฮันบินเอ่ยบอกเพื่อน


"แต่ฉันช่วยได้ เดี๋ยวฉันจะลองถามดูนะ ต้องได้แน่ ๆ" อูจีโฮตบบ่าเพื่อนเบา ๆ พร้อมเอ่ยปากช่วยอย่างมั่นใจ




          ทั้งสามคุยกันได้สักพัก รุ่นพี่และอาจารย์ที่ดูแลนักศึกษาแต่ละกลุ่มก็เรียกขึ้นรถ ทุกคนประจำที่นั่งเป็นที่เรียบร้อย มีเพียงที่ว่างข้าง ๆ อูจีโฮเท่านั้นที่ยังว่างอยู่ และไม่ต้องเดาว่าเป็นของใคร รุ่นพี่ที่ดูแลกลุ่มของอูจีโฮยังไงล่ะ


"เหนื่อยมั้ยครับ" ควอนฮยอกเดินมานั่งข้าง ๆ เด็กตัวขาว จัดการรัดเข็มขัดเรียบร้อย ก่อนหันหน้ามาส่งยิ้มให้จีโฮ


"ไม่เหนื่อยครับ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราจะเหนื่อยได้ยังไงครับ เนอะ" อูจีโฮตอบคำถามควอนฮยอกพร้อมหันไปพยักหน้ากับเพื่อน ๆ


"ฮ่าๆ ก็พี่กลัวว่าตื่นเช้าเราจะเหนื่อยนี่นา"


"ไม่หรอกครับพี่ฮยอก จีโฮน่ะ มันตื่นเช้าประจำอยู่แล้ว" ซึงยูนยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนที่นั่งตรงข้าม


"เดี๋ยวพอไปถึง พี่จะอธิบายเรื่องกฎระเบียบแล้วก็ที่พักให้นะ พี่เป็นคนดูแลกลุ่มพวกเราเอง ตอนนี้ก็จะนอนหลับก็ได้นะ ไว้ใกล้ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก"


"ครับ" เด็กทั้งสามขานรับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเป็นคังซึงยูนที่ผลอยหลับไปคนแรก ตามด้วยคิมฮันบิน แต่ไม่มีทีทางว่าอูจีโฮจะหลับตาพักผ่อนเลยสักนิด เขาตื่นเต้นกับสองข้างทางเป็นอย่างมาก แหงแหละ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางโดยรถไฟออกนอกเมือง



"ตื่นเต้นไปทุกเรื่องเลยนะไอ้เด็กน้อยเอ้ย" ควอนฮยอกที่สังเกตปฏิกิริยาอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปขยี้หัวกลม ๆ จนผมฟูฟ่อง


"งื้อ อย่าขยี้หัวสิครับ ผมเสียทรงหมดแล้ว ทำไมทุกคนชอบขยี้หัวผมจังเลย ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ" อูจีโฮหันมาแว้ดใส่รุ่นพี่ที่นั่งด้านข้าง


"ฮ่าๆ เวลาโกรธนี่เหมือนแมวเลย ขู่ฟ่อเชียว พี่จะบอกให้นะว่ามันไม่ได้น่ากลัว"


"หึ๊! ผมไม่ชอบที่ทุกคนชอบคิดว่าผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย" เด็กตัวขาวขมวดคิ้วมุ่น


"หึหึ พี่ไม่ได้คิดว่าเราเป็นเด็กซะหน่อย โตแล้วเนอะ"


"ใช่ น้องสูงมากเลยนะ ดูสิ เท่าพี่ฮยอกเลยด้วยเหอะ"


"โอเค ๆ ยอมแล้วครับ" อูจีโฮยิ้มแป้นเมื่อรุ่นพี่ยอมเขาง่าย ๆ ก็เขาไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทุกคนชอบคิดว่าเขาเป็นเด็กทุกที







          ใช้เวลาสักพักใหญ่ รถไฟก็เดินทางมาถึงปูซาน  มีรถบัสมารอรับพวกเขาอยู่ถึงสามคัน แต่ละกลุ่มขึ้นรถตามที่แบ่งไว้ ออกเดินทางไปยังที่พัก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ยอดฮิต อากาศเดือนกรกฎาคมร้อนระอุ เด็ก ๆ พากันบ่นระงมเรื่องความร้อนของอากาศ ไม่นานรถบัสเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทางมหาวิทยาลัยจึงให้พักในโรงแรม หลังจากที่ตอนแรกลงมติให้ตั้งแคมป์แต่ต้องยกเลิกไป



"เดี๋ยวก่อนนะ....โรงแรมนี้นี่มัน" อูจีโฮบ่นงึมงำออกมาคนเดียว เขานึกแปลกใจเล็กน้อย ก็โรงแรมที่เขาและเพื่อน ๆ นักศึกษาเข้ามาพักมันเป็นโรงแรมของตระกูลซงไงล่ะ แสดงว่าพี่มินโฮต้องรู้ว่าเขาจะมาพักที่นี่ แล้วทำไมตอนแรกถีึงไม่ยอมให้เขามากันล่ะ คิดได้ไม่นานก็ส่งข้อความบอกพี่ชายตัวโตทันทีว่าถึงที่พักเรียบร้อยแล้ว พร้อมตัดพ้อว่าพักที่โรงแรมพี่มินโฮทำไมไม่บอกเขา นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันร้องว้าวอย่างตกอกตกใจไม่น้อย ที่ได้เข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาวแบบนี้



     

          เมื่อจัดแจงเรื่องห้องพักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายเอาสัมภาระไปเก็บยังห้องตัวเอง ก่อนจะลงมารวมตัวยังห้องโถงใหญ่ อูจีโฮและเพื่อน ๆ ได้พักห้องเดียวกัน ซึงยูนอาสานอนเตียงเสริมเอง แต่ละคนเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยก็ลงมายังพื้นที่จัดกิจกรรม




          นักศึกษาทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำ อูจีโฮและเพื่อน ๆ ในกลุ่มเข้าสู่กิจกรรมสุดท้าย มันคือเกมเปเปโร่ โดยให้คนในกลุ่มแบ่งเป็นคู่ ๆ ก่อนจะทำการแข่งขันกัน อูจีโฮโดนเพื่อนทั้งสองแกล้งโดยการจับคู่กันเอง ทำให้จีโฮกลายเป็นคนไม่มีคู่


"จีโฮไม่มีคู่ครับ รุ่นพี่เล่นด้วยคนนึงได้มั้ยครับ" เป็นคังซึงยูนตัวดีอีกนั่นแหละเอ่ยขึ้นมาแถมยังหันหน้าไปหาควอนฮยอกที่ยืนอยู่ที่ซุ้ม


"เอ่อ...ผมไม่เล่นก็ได้ครับ ไม่เป็นไร"


"ไม่ได้สิจีโฮ เล่นมาหมดแล้ว ไม่เล่นอันสุดท้ายก็แปลก ๆ พี่ฮยอกครับ เป็นคู่ให้จีโฮหน่อยได้มั้ยครับ" ควอนฮยอกชี้นิ้วเข้าไปที่ตัวเองหลังจากซึงยูนเอ่ยขึ้น ก่อนเขาจะยิ้มเล็กน้อยพร้อมเดินออกมาตรงหน้าอูจีโฮ


"ได้ครับ เดี๋ยวพี่เล่นเป็นเพื่อน" สิ้นประโยคของควอนฮยอก ก็มีเสียงกรี๊ดเกรียวกราวกันเกิดขึ้น ทำเอาเด็กตัวขาวทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว



          กฎกติกาของเกมเปเปโร่คือ คาบขนมป๊อกกี้คนละฝั่ง ก่อนจะงับเข้ามาทีละนิด ใครเหลือขนมสั้นที่สุดคือผู้ชนะ เมื่อเสียงนกหวีดเป่าปรี๊ดเริ่มต้นที่คู่แรก ต่อด้วยคู่ที่สอง สาม สี่ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคู่ของจีโฮและควอนฮยอกเป็นลำดับสุดท้าย เขาเริ่มงับป๊อกกี้ไปทีละนิด ๆ โดยไม่สบตากับรุ่นพี่ตรงหน้าเลยสักนิด ต่างกันกับฮยอก ที่สายตาจดจ้องไปยังใบหน้าที่ตอนนี้ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากทั้งคู่จะแตะกันอยู่แล้ว อูจีโฮจึงผละออก แก้มแดงขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย สร้างความเสียดายให้คนที่ลุ้นอยู่บริเวณรอบ ๆ




          เมื่อเสร็จกิจกรรมสุดท้ายและรับประทานอาหารค่ำเรียบร้อย รุ่นพี่และอาจารย์ทั้งหลายจึงปล่อยให้เด็ก ๆ ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ทุกคนที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและทำกิจกรรมร่วมกันทั้งวันแล้วจึงพากันขึ้นห้องพัก บรรยากาศยามค่ำคืนที่โรงแรมเงียบสงบ


ติ้ง~


เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือของอูจีโฮดังขึ้นทำลายความเงียบ ตอนนี้เขาอยู่ห้องคนเดียว เมื่อเพื่อนทั้งสองขอตัวออกไปเดินเล่นรอบ ๆ ยังไม่กลับมา


ออกมาหาที่สระว่ายน้ำหน่อย





อูจีโฮต้องขยี้ตาอีกครั้ง ซงมินโฮส่งข้อความมาบอกให้เขาออกไปหา นี่พี่มินโฮมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือพี่ชายตัวโตจะหายโกรธเขาแล้วนะ เตรียมตัวเดินออกจากห้องก็พอดิบพอดีกับเพื่อนทั้งสองกลับมา ก่อนจะบอกกล่าวเพื่อน ๆ ว่าขอออกไปเดินสูดอากาศแป๊ปนึง ซึงยูนย้ำว่าอย่าไปนาน เพราะมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า จีโฮรับปากเพื่อนสนิทก่อนจะผละออกไป




          ที่ริมสระว่ายน้ำใหญ่ที่โรงแรม ช่วงเวลาเกือบ ๆ 5 ทุ่ม ไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงร่างหนาที่ยืนดูดบุหรี่อยู่ อูจีโฮค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ เมื่อมินโฮเห็นเด็กน้อยเดินมาถึงแล้ว เขาจึงหยุดดูดบุหรี่ก่อนจะดับมันลงในที่เขี่ยบุุหรี่ 



"พี่มินโฮ มาอยู่นี่ได้ไงครับ" 


"ขับรถมา" 


"น้องไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย" 


"มาใกล้ๆ นี่ซิ" 


เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับซงมินโฮอย่างสงสัยเล็กน้อย


"เมื่อเย็นเล่นเกมอะไร?" 


"ครับ? เกมอะไรคืออะไรครับ" อูจีโฮทำหน้างงเล็กน้อย อยู่ ๆ พี่ตัวโตก็ถามอะไรไม่รู้ เขาเล่นเกมในกิจกรรมตั้งหลายเกม แล้วซงมินโฮจะหมายถึงเกมตัวไหนกันล่ะ


"ก็ไอ้เกมที่จูบกับไอ้ควอนฮยอกนั่นไง!" เด็กตัวขาวตาโตตกใจ ซงมินโฮเห็นงั้นหรอ แต่เขาไม่ได้จูบกันซักหน่อย ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่เขาด้วย


"น้องเปล่านะ น้องไม่ได้จูบกับพี่ฮยอกซะหน่อย ปากไม่แตะกันเลยจะเรียกว่าจูบได้ยังไง" 


"แล้วทำไมต้องไปเล่นเกมบ้าบอแบบนั้นห๊ะ?!" เขาหัวเสียไม่น้อย เมื่อเย็นที่เขาเพิ่งจะมาถึงแล้วเดินผ่านห้องโถงที่ใช้จัดกิจกรรมของนักศึกษาม.โซล แล้วได้ยินเสียงเกรียวกราวจึงมองลงไปยังห้องนั้นปรากฎภาพเด็กตัวขาวที่กำลังเล่นเกมเปเปโร่กับควอนฮยอกอยู่ 


"ทำไมพี่มินโฮต้องอารมณ์เสียใส่น้องด้วยล่ะครับ ยังไม่หายโกรธเรื่องที่น้องขอมาค่ายนี้อีกหรอ" 


"อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง" 


"พี่มินโฮ.... ถ้าจูบกันมันต้องสัมผัสกันสิ แต่นี่ปากน้องอยู่ห่างตั้งเยอะ เนี่ยน้องจะทำให้ดู ปากน้องอยู่ห่างแบบนี้..." เด็กน้อยที่พยายามจะอธิบายให้พี่ชายตัวโตรับฟัง พลางจัดท่าทางให้รู้ว่าปากเขาไม่ได้สัมผัสกับควอนฮยอกจริง ๆ โดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ริมฝีปากเขาห่างจากซงมินโฮไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร


"ไม่โดนจริงด้วย แบบนั้นไม่เรียกว่าจูบสินะ จูบมันต้องแบบนี้" 


ไม่ว่าเปล่า ร่างหนาบดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากของเด็กตัวขาวที่ยั่วยวนเขาอยู่ตรงหน้า มือแกร่งรวบเอวบางกระชับเข้ามาหาตัว เขาไม่ได้รุกล้ำเด็กน้อย เพียงสัมผัสแผ่วเผาที่ริมฝีปากเท่านั้น แค่นี้ก็ทำให้อูจีโฮร่างอ่อนยวบ ตกใจไม่น้อย นี่มันจูบแรกของเขานะ 


"พะ...พี่ พี่มินโฮ ทะ ทะ ทำไม ทำไมทำแบบนี้ครับ นี่มันจูบแรกของน้องนะ!" 


"ไม่ใช่ซะหน่อย ถ้านายเรียกไอ้การแตะปากกันว่าจูบ แสดงว่าเราจูบกันตั้งแต่ในลิฟต์ตอนนั้นแล้วต่างหาก" 


"พี่มินโฮ!!" 


"หรือถ้านายเรียกไอ้ที่ปากแตะกันในลิฟต์ว่าอุบัติเหตุ งั้นจูบแรกของนายก็ตอนที่นายหลับหน้าห้องแล้วฉันต้องอุ้มนายเข้ามานอนที่ห้องฉัน" 


อูจีโฮตาโตกว่าเดิม เขาตกใจไม่น้อย นี่พี่มินโฮจูบเขาตอนเขาหลับงั้นหรอ


"แต่จะบอกให้นะเด็กน้อย ว่าไอ้การที่ปากแตะกันเฉย ๆ น่ะ เขาไม่เรียกกันว่าจูบหรอก จูบจริง ๆ มันต้องแบบนี้" 


ร่างหนาไม่รอให้เด็กน้อยในอ้อมกอดผละหนี เขาบดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากอวบอิ่มของเด็กน้อยอีกครั้ง มือหนารั้งคอขาวให้เข้ามาแนบชิด ก่อนจะใช้ลิ้นสอดเข้าไปชิมจูบรสหวานของเด็กไม่ประสีประสา เนิ่นนานเอาแต่ใจจนเด็กตรงหน้าทุบอกประท้วงเมื่อขาดอากาศหายใจ


"นี่ต่างหากจูบแรกของเรา" ซงมินโฮเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉย ในขณะที่เด็กตัวขาวในอ้อมกอดตอนนี้หน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ ก้มหน้างุดก่อนจะเอ่ยออกมาเบา ๆ


"พี่มินโฮ พะ พี่มินโฮแกล้งน้องอีกแล้ว" 


"ไม่ได้แกล้ง นี่เอาจริง" 


"พี่ พี่บอกไม่ได้คิดอะไรกับน้อง ละ ละ แล้ว แล้วมาจูบน้องทำไม" 


"ซื่อบี้อ คนไม่คิดอะไรจะมาจูบแบบนี้ได้ยังไง คิดบ้าง" 


"หมะ...มะ หมาย ความ ว่า ยะ ยังไง ครับ"  ร่างหนาอมยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูเด็กตัวขาวตรงหน้าเบา ๆ


"คืนนี้นอนห้องฉันสิ เดี๋ยวอธิบายให้ฟัง" 


"บ้า!! พี่มินโฮทะลึ่งที่สุด น้องไม่คุยด้วยแล้ว น้องจะกลับห้อง" เด็กน้อยฟาดฝ่ามือไปที่แขนแกร่งหนึ่งทีก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของร่างหนา พลางวิ่งหนีขึ้นห้องนอนทันที 


ซงมินโฮหัวเราะขำให้กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงดังประมาณหนึ่ง


"นายมันก็ได้แค่ใกล้นะควอนฮยอก อย่ามายุ่งกับอูจีโฮ" ควอนฮยอกเดินออกมาจากมุมหนึ่งเผชิญหน้ากับซงมินโฮ


"หึ คุณนี่เหมือนเด็กอยากเอาชนะเลยนะ ผมไม่ได้สนใจจะแข่งอะไรกับคุณ ผมสนใจที่ความรู้สึกของจีโฮมากกว่า อย่าทำให้จีโฮเสียใจ เพราะถ้าเมื่อไหร่เขาต้องร้องไห้เพราะคุณ ผมนี่แหละจะเป็นคนไม่ปล่อยจีโฮไปหาคุณอีกเด็ดขาด​"



"จีโฮคือคนของฉัน นายไม่ต้องอยากมาดูแล ฉันดูแลเองได้ คนอย่างนายมีแต่จะทำให้จีโฮเสียใจ"



"เก็บไว้บอกตัวเองเถอะครับ คำนั้นน่ะ" ควอนฮยอกไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้าน สบตากับซงมินโฮอย่างดุเดือด ก่อนจะผละเดินกลับห้อง ยังไม่วายหันมาเอ่ยส่งท้ายให้กับซงมินโฮที่ยืนนิ่งอยู่



"เพราะผมอยากให้คุณรู้ไว้ ว่าสำหรับอูจีโฮ ผมเอาจริง" 












#ซงซึน









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น